ยาง DRAG SLICK  นั้นไม่ใช่มีเพื่อลดเวลาแต่อย่างไร แต่ว่าใช้เพราะ ยาง DRAG SLICK นั้นมีความยึดติดกับพื้นมากกว่าธรรมดา ซึ่งตรงนี้จะเป็นตัวนำกำลังจากเครื่องยนต์ลงพื้น และหมุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสำหรับรถขับ 2 นั้นจำเป็นที่จะต้องมีแรงม้าอยู่สักประมาณ 300 - 350 ps. ซึ่งถ้ามีกำลังไม่มากพออาจจะไม่มีผลดี อย่างในบางครั้งอาจจะทำเวลาในช่วงสตาร์ทดี แต่ว่าตอนปลายเวลาก็จะตกลง และยังจะทำให้ควบคุมคลัชได้ยากขึ้นเนื่องจากแรงที่ดูดลงพื้น ดังนั้นถ้าเปลี่ยนยางให้เป็น DRAG SLICK ก็จำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนสไตร์การขับให้เข้ากับยางด้วยเช่นกัน  ยิ่งกว่านั้นในความเร็วสูงกับความนิ่มของยางจะทำให้รถมีอาการสั่น ซึ่งตรงนี้ก็จำเป็นสำหรับการควบคุมรถที่ต้องเน้นมากขึ้น

    สภาพของรถคันนี้ในขณะนี้ ผู้ขับได้บอกว่ารู้สึกว่า เกียร์กับเพลาเริ่มมีอาการน่าเป็นห่วง ซึ่งทำให้ไม่สามารถออกตัวอย่างโหดได้ ซึ่งอาจจะนำไปสู้ความเสียหายได้ และด้วยแรงแกะที่มากขึ้นก็จะทำให้ระบบการขับเคลื่อนต้องรับภาระมากขึ้นด้วยเช่นกัน ส่วนในรอบสูงนั้น จำเป็นจะต้องใช้คลัชอย่างฉลาดมากขึ้น

     สำหรับคราวนี้ จริงๆ แล้วในการนำยางที่มีความนิ่มมากขึ้นกว่าเดิมมาใช้ ก็ต้องปรับช่วงล่างให้แข็งขึ้นซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องทำกัน แต่ว่าในคราวนี้ยังคงใช้ช่วงล่างของเดิมอยู่ และอีกอย่างจริงๆ แล้วในการเลือกขนาดของยางในเข้ากับรถนั้นก็จำเป็นมากอย่างหนึ่ง แต่สำหรับทาง SAURUS นั้นไม่สามารถเลือกได้ เพราะว่าไม่สามารถที่จะสั่งได้ในทันที เนื่องจากไม่มียางชนิดนี้ผลิตในประเทศญี่ปุ่น จึงนำยางที่มีอยู่ในสต๊อกออกมาใช้ ซึ่งมีขนาด 26.0x9.0/15 ที่ไว้ใช้สำหรับ DRAG R

     และหลังจากที่ได้ใส่ยาง DRAG SLICK เข้าไปแล้วทำให้ความสูงของรถเพิ่มขึ้น และทำให้ยางนั้นไปติดกับส่วนของขอบกันชน กับแผ่นกันลมใต้ท้องรถ จึงทำให้มีเสียงนิดหน่อย ซึ่งถ้าตรงนี้ได้เปลี่ยนยางที่มีขนาดเล็กลงมาสัก  2-3 ไซด์ ประมาณ 24.0x8.5/14 ก็จะสมบูรณ์มากเลยทีเดียว จะทำให้อัตราทดเกียร์ และแรงจับกับถนนดีขึ้น ซึ่งจากความรู้สึกของ tokkuri ซังนั้น ได้บอกไว้ว่า ถ้าได้เลือกยางให้มีขนาดที่เหมาะสม ก็น่าจะทำเวลาลดลงมาได้ประมาณ 0.2 วินาทีก็เป็นได้

      ผลของการทดสอบนั้น หลังจากที่ได้เปลี่ยนยางไปแล้วเวลาที่ได้มานั้นดีขึ้นก็จริง แต่ว่าความเร็วสูงสุดที่จบที่ 402 m. นั้นลดลงมาประมาณ 3-5 กม./ชม. ซึ่งทำให้เวลาที่น่าจะได้นั้นก็ลดลงมาประมาณ 0.1 วินาที  ทั้งนี้ทั้งนั้นในการทดสอบครั้งนี้ ได้มีการเพิ่มบูตส์เข้าไปประมาณ 0.1 kg/cm² และปรับแรงไนตรัสเพิ่มเข้าไปประมาณ สำหรับ 10ps. กับระบบไฟที่ควบคุมโดย MDI

     ผลที่ได้ในคราวนี้ 11.131 วินาที ซึ่งมีเศษเสี้ยววินาทีตรงนี้นี่เอง ที่ทำให้ไม่สามารถพิชิต ช่วง 10 วินาทีได้ ทำให้ทาง SAURUS & OPT2 ค่อนข้างที่จะแค้นอยู่เล็กๆ เหมือนกัน