เดิมโครงการนี้มีชื่อว่า กลุ่มนิสิตอาสาสมัคร องค์การนิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แต่เนื่องจากเหตุการณ์วันที่ 6 ตุลาคม 2519 ได้มีการปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ทำให้กิจกรรมต่างๆของนิสิตนักศึกษาชะงักลง ฉะนั้นเพื่อให้งานอาสาพัฒนาชนบทได้ดำเนินงานต่อไป ทางมหาวิทยาลัยฯ จึงได้อนุมัติการจัดตั้งโครงการนี้ขึ้นซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของมหาวิทยาลัยต่อมาปี2525ทางมหาวิทยาลัยได้ออกธรรมนูญการปกครองนิสิตฉบับใหม่ซึ่งมีข้อบังคับว่าด้วยกิจกรรมของนิสิตให้มีสโมสรและชมรมเท่านั้น จึงได้เปลี่ยนชื่อจากโครงการมาใช้ชื่อ ชมรมค่ายอาสาพัฒนา ขึ้นในปี 2526 วัตถุประสงค์การรวบรวมประวัติความเป็นมาของชมรมค่ายอาสาพัฒนามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์นั้นมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ชาวค่ายฯในปัจจุบันได้รู้ว่า ค่ายนั้นมีจุดเริ่มต้นมาอย่างไรชาวค่ายฯรุ่นเก่านั้นมีแนวความคิดอย่างไรจึงได้จัดตั้งกลุ่มขึ้นมาและการดำเนินงานในครั้งแรกนั้นกระทำเช่นไร เพื่อที่ชาวค่ายฯในปัจจุบันได้เปรียบเทียบดูว่าค่ายฯปัจจุบันนี้กับค่ายฯเมื่อเริ่มก่อตั้งมีความแตกต่างกันอย่างไรควรจะปรับปรุงแก้ไขอะไร บ้างทั้งนี้และทั้งนั้นต้องขอขอบพระคุณพี่ค่ายรุ่นเก่าๆเป็นอย่างมากที่ได้กรุณาส่งเรื่องราวเกี่ยวกับค่ายฯแรกเริ่มให้เพื่อความสะดวกในการรวบรวม ซึ่งพอสรุปได้ดังนี้ :- แนวความคิด จุดเริ่มต้นจุดสนใจของคนต่อด้านอาสาพัฒนา ได้เริ่มขึ้นในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์นานมาแล้ว ตั้งแต่จุดเริ่มต้นของค่ายอาสาพัฒนาในเมืองไทย โดยจุดเริ่มต้นของงานค่ายได้เริ่มขึ้นในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มาตั้งแต่ปี 2498 ซึ่งตอนนั้นอยู่ในรูปของ เกษตรชมรม หรือ เกษตรฟอรั่ม ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้นิสิตเกษตรทั้งหลายภูมิใจกันเป็นหนักหนาในสมัยนั้น ซึ่งต่อมาก็ได้พัฒนาขึ้นเป็น กลุ่มนิสิตอาสาสมัคร องค์กรนิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์จากหน่วยงานที่เป็นจุดเริ่มต้นของค่ายอาสาพัฒนาหน่วยเล็กๆนี้เองได้เป็นตัวแทนของชาวนิสิต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ทั้งหลาย ออกไปให้บริการรับใช้ชาวบ้านในสังคมภายนอกมหาวิทยาลัยรวมทั้งในชนบทจังหวัดต่างๆด้วย เป็นจุดเริ่มแรกของงานค่ายอาสาพัฒนาปัจจุบันนั่นเอง อย่างไรก็ดีความสนใจต่างๆยังอยู่ในวงจำกัดเฉพาะนิสิตเพียงไม่กี่คนเท่านั้น นิสิตเกษตรที่เข้าไปมีบทบาทในวงการด้านนี้จึงมีน้อย ทั้งนี้เนื่องจากไม่มีการตั้งตัวแทนถาวร จึงทำให้การเชื่อมโยงความสนใจขาดตอนไปบ้างภายหลัง ในเวลาต่อมานิสิตได้รวมตัวกันเป็นกลุ่มเล็กๆโดยรวบรวมเฉพาะผู้ที่ที่มีความสนใจในงานด้านนี้อย่างจริงจัง นำมาแลกเปลี่ยนความรู้ความคิดเห็นซึ่งกันและกัน การเคลื่อนไหวของนิสิตเหล่านี้ยังอยู่ในวงแคบเหลือเกิน แต่ก็พยายามชักจูงให้บุคคลอื่นได้เข้าร่วมงานอาสาสมัครขององค์กร สมาคม และชุมนุมต่างๆมากขึ้น บุคคลซึ่งเป็นผู้ริเริ่มและเป็นตัวกำลังสำคัญในการจัดตั้งกลุ่มนิสิตอาสาสมัครของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คือ นายบำรุง บุญปัญญา ซึ่งได้เคยร่วมงานและได้แนวทางความคิดมาจากสมาคมนิสิตนักศึกษาสัมมนา โดยเริ่มดำเนินการจัดตั้งกลุ่มขึ้น เมื่อประมาณกลางปี 2509 การดำเนินงานในระยะแรกหลังจากรวมกลุ่มผู้สนใจแล้ว ได้มีการเผยแพร่แนวความคิดของกลุ่ม และการดำเนินการเพื่อให้เป็นที่ยอมรับในขั้นแรกคือ การจัดทำเอกสาร คำชี้แจง วัตถุประสงค์ ระเบียบการใบสมัคร และเผยแพร่แนวความคิดเหล่านี้แก่นิสิต ตลอดจนคำปรึกษาแนะนำจากอาจารย์ การเผยแพร่ความคิดนี้มุ่งเน้นต่อนิสิตกลุ่มต่างๆ เช่น สโมสร ชุมนุม ซึ่งปรากฏว่ามีผู้สนใจพอสมควร แต่เนื่องจากมีข้อขัดข้องบางอย่างเช่น มหาวิทยาลัยเปิดเรียนภาคฤดูร้อนและนิสิตส่วนหนึ่งต้องออกไปฝึกงานภาคสนามตามไร่ฝึกต่างๆของมหาวิทยาลัย ดังนั้นนิสิตผู้สนใจและสามารถออกงานค่ายอาสาได้จึงมีจำนวนน้อย บางคนก็ต้องถอนตัวออกไประยะหนึ่ง เนื่องจากมีเหตุขัดข้องบางอย่าง ดังจดหมายของพี่สุเมธได้กล่าวว่า ผมไปยื่นใบสมัครที่สโมสรภาษาอังกฤษ ซึ่งขณะนั้นพี่เปี๊ยกเป็นรองประธานสโมสรฯประมาณเดือนมกราคมปี 2510 และหลังจากที่ได้คุยหลักการกับพี่เปี๊ยก (บำรุง บุญปัญญา) แล้ว ผมจึงทราบว่าผมเป็นสมาชิกคนเดียวของค่ายอาสาพัฒนาในขณะนั้น ทั้งๆที่เหลือเวลาอีกไม่ถึง 3 เดือนก็จะเปิดภาคอยู่แล้ว การคัดเลือกสมาชิกไม่เป็นปัญหา ปัญหาจริงๆอยู่ที่ว่า ในขณะนั้นมีสมาชิกจำนวนน้อยไม่เพียงพอ ดังนั้นถ้ามีใครมาแสดงความจำนง ทางกลุ่มจะรับทันที ชาวค่ายทั้งหมดในปีแรกมีเพียง 18 คน เป็นชาย 13 คน หญิง 5 คน ในจำนวนสมาชิกหญิง 5 คนนี้ ไม่มีนิสิตเกษตรเลย เป็นนิสิตจุฬา 3 คน เป็นนักเรียนโรงเรียนสตรีวิทยา 2 คน ปีพ.ศ. 2510 กลุ่มนิสิตอาสาสมัคร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้เริ่มปฏิบัติงานค่ายอาสาพัฒนาเป็นครั้งแรก ณ หมู่บ้านป่ากอ อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี และหมู่บ้านคำพอก อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม การเตรียมงานก่อนการออกค่ายอาสาสมัครฯ มก.ภายหลังที่กลุ่มนิสิตอาสาสมัครฯ ได้ร่วมพิจารณาแผนงาน ณ หมู่บ้านป่ากอ จ.อุบลราชธานี และหมู่บ้านคำพอก อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม แล้วมีความเห็นพ้องต้องกันว่า
นอกจากนี้ทางกลุ่มได้รวมกลุ่มกันจัดวางวัตถุประสงค์ในการออกค่ายไว้ด้วย คือ
การบริหารงานค่ายฯโดยที่การปฏิบัติงานรวมกลุ่มกันเป็นครั้งแรก การบริหารจึงได้จึงแบ่งโดยคร่าวๆคือ การบริหารของกลุ่มฯ การแบ่งงาน การคัดเลือกสมาชิก และแต่งตั้งกรรมการ การบริหารงานของกลุ่มฯ : ประธานของกลุ่มนิสิตอาสาสมัครคนแรก ได้แก่ นายบำรุง บุญปัญญา ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้บริหารงานของกลุ่มฯ การแบ่งงาน : ในระยะแรกยังไม่ได้แบ่งกันแน่นอน ทั้งนี้เพราะมีผู้ร่วมงานเพียง 3-4คนเท่านั้น ทุกคนจึงช่วยกันทุกด้าน และก่อนที่จะออกมาปฏิบัติงานค่ายนี้ ผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่มจึงแต่งตั้งให้ นายเวท ไทยนุกุล รับหน้าที่ผู้อำนวยการค่าย ทั้งนี้เนื่องจาก นายบำรุง บุญปัญญา ผู้ซึ่งคาดหมายกันว่าจะทำงานตำแหน่งนี้ต้องไปทำวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับการสำรวจที่ดินที่จังหวัดเพชรบูรณ์ การคัดเลือกสมาชิกการคัดเลือกสมาชิกที่จะออกค่าย ไม่สามารถกระทำได้ เพราะว่ามีผู้สมัครน้อยกว่าจำนวนที่ต้องการ ดังนั้น ถ้ามีคนมาสมัครก็รับทันที การตั้งคณะกรรมการ ก่อนออกค่ายประมาณ 10 วัน ได้มีการแต่งตั้งกรรมการบริหารค่ายอาสาสมัคร ดังนี้ :- ในระหว่างการปฏิบัติงานค่ายนั้น ทางกลุ่มฯ ได้จัดแบ่งหน่วยงานออกเป็น
ลักษณะของงาน
บรรยากาศในการทำงานโดยเหตุที่สมาชิกค่ายเป็นนิสิตที่มาจากเกษตรเป็นส่วนใหญ่ แต่ละคนมีความรู้จักมักคุ้นและเคารพรักใคร่สนิทสนมกันมาก่อน บรรยากาศในการทำงานจึงเกิดความอบอุ่นและเป็นกันเอง ชาวบ้านและเยาชนซึ่งได้จับกลุ่มมาร่วมทำงานด้วยเป็นประจำทุกวัน ช่วยเสริมสร้างบรรยากาศในการทำงานของส่วนรวมให้เข้มแข็งคึกคัก และสนุกสนานยิ่งขึ้น การทำงานของแต่ละแผนกมีการแข่งขันเพื่อความดีเด่นในผลงานของตน ผลงานโดยส่วนรวมนับว่ารุดหน้าไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ปัญหาและอุปสรรคในการออกค่ายครั้งแรก
ผลที่ได้จากการออกปฏิบัติงานค่ายอาสา ครั้งที่ 1ทางกลุ่มได้สรุปผลในการออกปฏิบัติงานครั้งนี้ ได้คือ ผลต่อชาวค่าย
ผลต่อชาวบ้าน
|
ชมรมค่ายอาสาพัฒนา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน กรุงเทพมหานคร โทร. 5790113 ต่อ 1303