ปฐมบทแห่ง VW-Thai Activities

โดย คุณจุลเดช อร่ามศรี chulladej@hotmail.com


หน้านี้อุทิศให้สำหรับท่านสมาชิกที่ได้ให้เกียรติ มาพบหน้าค่าตากันถึงแหล่งกบดานของผู้ก่อการชมรมครับ 
หรือมีโอกาสพบปะพูดคุยกันและได้ร่วมกันทำกิจกรรมสร้างสรรค์กับทางชมรม เช่น การไปกินอาหารอร่อยๆ การตามล่าหาอะไหล่ เป็นต้น แฮ่ม! เป็นที่น่ายินดีที่พวกเราได้มีโอกาสพบปะพูดคุยกันกับเพื่อนสมาชิกหลายท่าน และ มีสมาชิกใหม่ๆ ที่สนใจที่จะมา Meeting กับพวกเราเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ได้รับความรู้ข้อมูลข่าวสาร และแลกเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อรถอันเป็นสุดที่รักยิ่งของพวกเราทุกคน และที่สำคัญทำให้มีเรื่องเอาไว้ชาปณกิจ (ก็เผา หรือ อำกันนั่นแหละครับอย่าคิดมาก) กันต่อไปในภายภาคหน้าได้อย่างเป็นที่เมามันในอารมณ์

มีเรื่องสนุก ๆ มาเล่าสู่กันฟังครับ เริ่มกันจากวันเสาร์ที่ 4 กค. 2541 ก่อนก็แล้วกัน ในวันนั้นผู้ก่อการ ชมรมทั้ง 3 ท่าน (คุณอนุรัตน์ คุณพลจักร แล้วก็ผม) นัดพบกันเพื่อคิดการใหญ่ คือการไปตามล่าหาซื้อ ที่วางเท้าซ้ายของคนขับ หลังจากที่ได้ทราบวิธีการทำจาก Tip & D.I.Y มานานเต็มทนแล้วแต่ไม่ได้ฤกษ์ไปซื้อมาทำซักทีครับ จุดหมายปลายทางของการตามล่าในครั้งนี้อยู่ที่เซียงกงที่รังสิต
และได้มีการชักชวนเพื่อนรวมชะตากรรมอีกหนี่งท่าน คือคุณปกรณ์พล หนุ่มนักซิ่งผู้รักการโมดิฟายเป็นชีวิตจิตใจ นี่เห็นร่ำ ๆ ว่าจะเอา Vento
ไปติดเทอร์โบหรือไงนี่หล่ะครับ ถ้าใครสนใจก็ลองติดต่อดูนะครับแล้วคุณจะรู้ว่ารถซิ่งหน่ะมันแรงยังไง

เอาละครับเมื่อนัดกันได้เสร็จสรรพแล้วพวกผมกออกจากแหล่งกบดานโดยมีคุณอนุรัตน์ขออาสาทำหน้าที่พลขับรถของผม เพราะว่าอยากลองมานานแล้ว ช๊อคของ Koni ที่ผมไปเปลี่ยนมา (แล้วจะเล่าให้ฟังถึงความสุขสมหวังในการเปลี่ยนจากเรือเอี่ยมจุ๊น
มาเป็นเรือหางยาว ก็ประมาณว่าทรงตัวดีขึ้นว่าอย่างนั้นเถอะ ให้ได้อ่านกันอีกครั้งหนึ่งครับ) พอคุณอนุรัตน์เข้าประจำที่คนขับปุ๊บ 
ท่านก็ทำการล๊อคประตูเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่และนั่นก็เป็นการใช้งานครั้งสุดท้ายของเจ้าปุ่มล๊อคประตูด้านคนขับ 
เพราะมันหักติดมือคุณอนุรัตน์มาเลยครับ ท่านก็หันมาทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยม แลัวบอกว่า ม่ายรู้มันหักได้ยังงัย งง ? 

จากนั้นก็ไปรอกันที่ บิ๊กคิงส์ บางใหญ่ ซึ่งเป็นจุดนัดพบก่อนจะไปรังสิต เวลาในขณะนั้นเป็นเวลา ประมาณ 16:00 น.
รอแล้วรอเล่าก็ยังไม่เห็นวี่แววของรถซิ่งคันงามโผล่มาให้เห็น จนกระทั่งเกือบๆ หนึ่งชั่วโมงผ่านไป จึงได้มีชายหนุ่มรูปงาม (คนขวามือสุด นั่นแหละคุณปกรณ์พล) ลงมาจากรถแท๊กซี่ แล้วบอกกับพวกเราว่า "ผมมาซื้อเชือกลากรถครับ รถผมเสียห่างจากที่นี่ไปประมาณ 2 กิโล" โห 
พวกเราเห็นใจสมาชิกที่น่ารักเป็นที่สุดเลยครับ อุตส่าห์มาซื้อเชือกลากรถที่นี่ เพราะต้องการมาบอกให้พวกเราทราบ เนื่องจากไม่ได้มีใครติดอุปกรณ์สื่อสารมากันซักคน จากนั้นก็กระโดดขึ้นรถแท๊กซี่แล้วควบปุเลงๆ กลับไปลากรถของท่าน ท่ามกลางความเห็นอกเห็นของพวกเราที่ยืนมองจนสุดสายตา วันนั้นผมได้ที่วางเท้ามาสองอันในราคาอันละ 150 บาท เลยตั้งใจว่าพบกันครั้งหน้าจะยกให้เป็นของขวัญ แห่งความพยายามของ คุณปกรณ์พล แฟ้มบุคคลขอปรบมือให้ครับ ก่อนจากกันวันนั้นคุณอนุรัตน์ได้เอื้อมมือไปหมุนปุ่มกดล๊อค จากที่นั่งด้านหลังของรถท่าน แล้วส่งมาให้บอกว่า ผมให้เป็นของขวัญครับแทนอันที่หักไป แหม ประทับใจจริง ๆ เลย แล้วท่านก็ขับไปโดยมีเสียงก๊อกแก๊ก ๆ ของที่ล๊อคประตูหลัง โบ๋ ๆ กลับบ้านไป

ในสัปดาห์ต่อมา วันเสาร์ที่ 11 กค. 2541 พวกเราก็ได้นัดรวมตัวกันอีกครั้งหนึ่งโดยครั้งนี้มีสมาชิกใหม่เข้าร่วมแจม ด้วยคือคุณ แฟรงค์ (ไม่ใช้สินาตรา นะครับ )และแฟนสาวสวยน่ารัก ผู้เป็นเจ้าของรถ Golf GL สีน้ำเงิน พร้อมล้อแมกซ์ BBS Pininfarina สวยอย่าบอกใคร ในครั้งนี้พวกเรานัดเจอกันที่ร้าน Cockpit Mega บนถนนรัตนาธิเบศร์ ซึ่งเป็นศูนย์บริการรถยนต์ที่น่าประทับใจศูนย์หนึ่ง จุดประสงค์ก็เพื่อเจรจาตกลงกับทาง Cockpit Mega ว่าจะขอยืมสถานที่ในการถ่ายทำภาพประกอบของชมรม, ขอส่วนลดให้กับสมาชิกของชมรมที่มารับบริการ 
และคุณอนุรัตน์ก็ได้ถือโอกาสเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องด้วยซะเลย

จากนั้นก็ได้ร่วมรับประทานอาหารอร่อยๆ กันที่ร้านเหมือนฝันรัตนาธิเบศร์ ซึ่งอาหารที่นี่อร่อยบรรยากาศสบายๆ ครับ เมื่ออิ่มหมีพีมันแล้วก็ย้ายมายังแหล่งกบดานของผมครับ ในวันนี้คุณปกรณ์พล กับคุณจิตติ ก็มาร่วมงานด้วย และมีการนำของสะสมที่ทั้งคู่ชื่นชอบมาแลกเปลี่ยนกันชมครับ (ส่วนเป็นอะไรนั้นสอบถามกันเองครับ) 

ในช่วงบ่ายก็เป็นคราวของ "ช่างวันหยุด" ขออนุญาตินำคำนี้มาใช้นะครับ รื้อรถเล่นกันตลอดช่วงบ่ายเลยครับ โดยคุณอนุรัตน์กับคุณปกรณ์พล ได้มีการสับเปลี่ยนสายหัวเทียนระหว่างของมาตราฐาน กับ Sportline เพื่อทดลองความแตกต่าง คุณอนุรัตน์ทำท่าจะไม่ยอมคืนสาย Sportline ให้คุณปกรณ์พลหลังจากเปลี่ยนแล้วครับ ทำให้ต้องมีการลงไม้ลงมือเพื่อถอดคืนกลับมา ส่วนคุณแฟรงค์สมาชิกใหม่ของเราก็ได้ ไฟตัดหมอกซ้าย กลับบ้านไปอย่างสบายใจ

แต่ที่เด็ดที่สุดคือรถผมเองครับ เนื่องจากผมสงสัยมานานแล้วแตรรถผมของจะเสียเพราะเสียงแตกต่างจากคันอื่น เลยจะทำการถอดออกมาซ่อม คราวนี้ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่แตรอย่างเดียวแล้วครับ มันอยู่ที่กลิ่นด้วยครับ...กลิ่น พอก้มลงไปดูแตรที่อยู่ใต้กันชนหน้าด้านขวามือ 
แล้วแทบผงะเลยครับมันมีกลิ่นเหม็นเน่าโชยออกมาจากในกันชน รวมทั้งมีเสียทักท้วงจากคุณพลจักรซึ่งตามมาสมทบว่า "พี่ๆ มีรอยเท้าหนู
เต็มฝาสูบเลย" เท่านั้นแหละเห็นพ้องต้องกันเลยว่า รื้อครับยังไงซะต้องรื้อกันชนหน้าออกมา พอรื้อออกมาเท่านั้นละครับ โอ้โห อาหารหนู อาทิเช่น เมล็ดผลไม้ เศษผลไม้ ฯลฯ ยัดอยู่เต็มช่องว่างในกันชนเลย แล้วพอตรวจดูในห้องเครื่องก็พบทั้งเปลือกกล้วย เม็ดมะม่วงแห้งคาอยู่ภายใน เล่นเอาผมโดนอำจากเพื่อน ๆ เลยว่าหนูมันคงมาจัดปาร์ตี้กันในรถผมกันทุกคืน เข็ดเลยครับคราวนี้ผมต้องย้ายที่จอดใหม่ เพราะที่จอดเดิมอยู่ใกล้สวนหลังบ้านต้นไม้เยอะ แหมใครจะไปรู้เห็นบรรยากาศดีๆ ร่มเย็นสบายๆ ท่านใดที่มีที่จอดรถคล้ายผมลองสำรวจดูนะครับว่ารถของท่านมีกลิ่นตุๆ หรือเปล่า ..............ฮา