กลับไปหน้าแรก








สัมภาษณ์พิเศษ พระพิศาลธรรมวาที
กรณีวัดธรรมกาย

      สยามธุรกิจ - ตอนนี้มีการโฆษณาของวัดธรรมกายผ่านทาง
      หนังสือพิมพ์ในเชิงแสดงปาฏิหาริย์ลักษณะที่หลวงพ่อสดมาปรากฏตัว
      ให้สานุศิษย์เห็นเรื่องอย่างนี้เป็นจริงได้หรือไม่

      พระอาจารย์พยอม - งี่เง่าที่สุด เป็นการลวงโลก พวกนี้กำลัง
      สร้างลัทธิ "ขายบุญ" ให้เอาเงินมาซื้อบุญ ไม่มีในคำสอนพระพุทธเจ้า
      ไม่มีในพระไตรปิฎก พวกนี้กำลังอวดอุตริ ความจริงปาฏิหาริย์ตาม
      หลักพุทธศาสนามี 3 อย่าง คือ อิทธิปาฏิหาริย์, อาเทสนาปาฏิหาริย์และ
      อนุสาสนีปาฏิหาริย์ ซึ่งพระพุทธเจ้าไม่ได้สรรเสริญปาฏิหาริย์ 2 ประการ
      แรกที่กำลังโอ้อวดกันอยู่ เพราะไม่ใช่หนทางนำไปสู่การพ้นทุกข์ แล้ว
      การที่วัดธรรมกายดำเนินการอยู่ ผิดอยู่ตรงจุดที่ว่าชวนไปดู้แล้วพูดกัน
      ว่าเป็นปาฏิหาริย์ทำไมไม่ชวนกันนั่งกรรมฐานเพื่อเห็น อนิจจัง ทุกขัง
      อนัตตา ซึ่งเป็นหลักธรรมที่ถูกต้องอยู่แล้ว ตรงนี้มันมีหลักของมันอยู่
      แล้ว ถ้านั่งกรรมฐานถูกต้องแล้ว จะต้องเห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
      เมื่อเห็นอนิจจังแล้ว มันไม่ยึดมั่น ถือมั่น รู้จักปล่อยวางทางกาย
      ปาฏิหาริย์ที่พระพุทธเจ้าสรรเสริญคือ อนุสาสนีปาฏิหาริย์ คือ การชี้แนะ
      แนวทางที่ถูกต้อง ไม่ยึดติดกับสิ่งต่างๆ

      จุดมุ่งหมายของกรรมฐานตามหลักศาสนาพุทธที่ชัดเจนเป็นอย่างไร
      นั่งกรรมฐานก็ต้องนั่งเพื่อให้เห็นไตรลักษณ์คือ อนิจจัง ทุกขัง
      อนัตตา เพื่อให้นิวรณ์สงบระงับ เป็นอุบายให้ใจที่ฟุ้งซ่านสงบลง

      การพิมพ์ภาพหลวงพ่อสดที่ตรงท้องกลวงมีแสงพระอาทิตย์ออกมา สิ่ง
      ต่างๆ เหล่านี้ ถ้าวิเคราะห์ตามหลักพุทธศาสนาแล้ว ตีความได้ว่าอย่างไร
      ถ้าวิเคราะห์กันโบราณเขาเชื่อว่า แสงจะต้องออกที่หัว ที่หน้า
      พระพุทธเจ้า แต่นี่หล่นต่ำมาออกกลางสะดือ แสดงว่ามันชักจะเหมือน
      ผีปอบ แต่หากคิดกันแบบคนธรรมดา ฉัพพรรณรังสีแผ่ออกในทิศเบื้อง
      บน เช่น จากเกศ จากเศียร หรือจากพระพักตร์ ซึ่งเราเห็นว่าดีและยอม
      รับกันได้ แต่ฉัพพรรณรังสีมาอยู่สะดือ ออกจะพิกล เป็นการเอาหลวง
      พ่อสดมาละเลง ซึ่งท่านไม่รู้เรื่อง เพราะท่านก็สิ้นใจไปแล้ว

      ท่านอาจารย์พอจะสรุปคร่าวๆ พอสังเขปได้ไหมว่า สิ่งที่ไม่ถูกต้องหลักๆ
      มีประเด็นอะไร บ้างในหลักของวัดพระธรรมกาย
      วัดพระธรรมกายตอนนี้ชัดเจน ยิ่งวัดพระธรรมกายที่อำเภอ
      ดำเนินสะดวกตอนนี้สอนนิพพานเป็นอัตตาไปแล้ว อันนี้เพี้ยนไปแล้ว
      ธรรมกายเพี้ยนไปแล้ว

      นิพพาน คืออัตตาหมายถึงอะไร
      ตามหลักพระพุทธศาสนา นิพพานคืออนัตตาแทนที่จะสอนให้
      รู้จักอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แต่นี่เขาสอนนิพพานเป็นอัตตา คือกลายเป็น
      ว่านิพพานกลับกลายมาเป็นสิ่งที่มีตัวมีตนขึ้นมา พระพุทธเจ้าสอนให้
      ละอัตตา ละการยึดถือตัวกูของกู แต่เมื่อปฏิบัติตามหลักธรรมกายจึง
      เท่ากับเป็นการปฏิบัติขัดแย้งกับพระพุทธพจน์ แล้วชาวพุทธจะเชื่อถือ
      ใครดีระหว่างพระพุทธเจ้ากับธรรมกาย ต่อมาธรรมกายสอนให้นั่งเห็น
      หลวงปู่สด อาตมารับไม่ได้เลย อาตมาถือว่าเพี้ยนหนักเลย จริงๆ แล้ว
      การปฏิบัติกรรมฐานมีจุดมุ่งหมายหลักเพื่อจิตสงบปลอดจากนิวรณ์ ยิ่ง
      ถ้าเป็นปฏิบัติวิปัสสนาด้วยแล้วต้องตั้งเป้าไปที่การเห็นอนิจจัง ทุกขัง
      และอนัตตา ในบทสวดเราก็สวดกันอยู่แล้ว เมื่อสมาธิเป็นธรรม อันเอกอุ
      เกิดขึ้น นิวรณ์ย่อมระงับไป เมื่อนิวรณ์ระงับแล้ว สมาธิย่อมเกิดขึ้น

      ถ้าเราไปว่าเขาอวดอุตริ เขาคงไม่ยอมรับแน่ แต่อาตมาคิดว่าเขา
      หลง หลงทาง อีกอย่างหนึ่งอยากได้เงินเลยทำทุกรูปแบบการหาเงิน
      โดยวิธีการแบบนี้ ทางภาษาพระท่านเรียกว่า อเนสนา คือการหากินทุก
      รูปแบบ เมื่อหากินทุกรูปแบบ จึงต้องลงรูปเยอะๆ หารูปลงโฆษณา
      เยอะๆ อย่างการลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์ขนาดนี้ ไม่รู้ว่ายิงกระสุนไป
      มากเท่าไร

      อย่างรูปที่นำมาลงโฆษณานี้รูปหล่อหลวงพ่อสดมาจากไหนถึง
      ได้มาลอยอยู่บนฟ้าอย่างนี้ ตอนถ่ายมีอย่างนี้จริงหรือเปล่า ถ้าภาพวันนั้น
      ไม่มีอย่างนี้จริงๆ นะแล้วไปใส่เข้ามาทีหลัง เราพูดไปได้เลยว่าเป็นการ
      ลวงโลกอย่างชัดเจน ถ้าภาพนี้ไม่มีจริงในวันที่ถ่ายแล้วนำมาพูดโฆษณา
      และจัดฉากเอาใส่เข้าไป ส่อเจตนาลวงโลก โฆษณาเกินความเป็นจริง
      ถ้าเป็นโฆษณาขายยา ทาง อย. ก็ไม่ควรให้ผ่าน

      แล้ววัดพระธรรมกายที่คลองสามมีจุดพิเศษอะไรที่น่าพิจารณา
      อาตมาว่า ผิด ผิดตรงที่เอาปาฏิหาริย์มาเป็นตัวล่อ

      ธรรมกายโฆษณาว่า สัญลักษณ์ แห่งพระรัตนตรัยกำลังจะเกิดขึ้น ถ้ามี
      ใครพูดอย่างนี้ท่านอาจารย์ช่วยวิเคราะห์ตามหลักศาสนาพุทธด้วยครับ
      เขาเรียกว่าเนื้องอก ถ้าพูดกันแรงๆ ก็คือเนื้อร้ายมันงอกออกมา
      ในวงการศาสนา

      แล้วพระมหาวิสุทธิบัลลังก์ที่วัดพระธรรมกายโฆษณาล่ะครับคืออะไร
      ไปๆ มาๆ อาตมว่ามันใกล้จะเป็นไปนั่นแล้วนะ สำนักปู่สวรรค์
      หลังๆ มามักมีการออกชื่อแปลกออกเป็นชื่อไอ้โน่น-ไอ้นี่คล้ายๆ อย่างนี้
      แหละ มีหลายองค์อยู่ น่าจะหามาเปรียบเทียบกันดู อย่างภาพนี้ก็เหมือน
      กัน ดูซิมั่วไปหมด ข้างนอกเป็นรูปพระพุทธเจ้า ข้างในเป็นรูปเหมือน
      พลวงพ่อสด แถมในตัวหลวงพ่อสดยังมีพระมหาสิริราชธาตุ นี่มันทำให้
      คนสับสน สงสัยและลุ่มหลงงมงายยิ่งขึ้น

      ถ้าจะพูดกันตามหลักพระพุทธศาสนา คำว่าสัญลักษณ์ของพระรัตนตรัย
      เราจะสรุปอย่างไร
      พระรัตนตรัย หมายถึงแก้วอันประเสริฐ 3 ประการ คือ พระพุทธ
      พระธรรม และพระสงฆ์ พระพุทธเจ้าใช้พระพุทธรูปเป็นสัญลักษณ์
      พระธรรม คือคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าที่ถือว่าถูกต้องและตรงกับกฎ
      เกณฑ์ของธรรมชาติ พระสงฆ์ก็คือผู้ที่เข้ามาถือบวชครองผ้าเหลืองใน
      พระพุทธศาสนาที่เฝ้าปวารณาตัวปฏิบัติให้บรรลุถึงพระนิพพานตาม
      คำสอนของพระพุทธเจ้า อาตมาอย่างฟันธงเปรี้ยงลงไปเลยว่า พระพุทธ
      เจ้าไม่ได้สอนให้คนทำบุญก่อน โดยหลักเกณฑ์พระพุทธศาสนาไ่ม่ได้
      ขึ้นต้นด้วย "กุสะลัสสูปสัมปทา" หรือการทำบุญทำกุศล แต่ขึ้นต้นด้วย
      "สัพพะปาปัสสะ อะกะระณัง" แปลว่า ให้ละบาปก่อน แต่ธรรมกายสวน
      ทางกับคำสอนของพระพุทธเจ้ามากคือ ชวนคนทำบุญก่อน ทั้งนี้ตาม
      ความเป็นจริงแล้ว การทำบุญไม่ได้ช่วยให้บาปลดน้อยลงเลยนะ

      ถ้าอาตมาเป็นผู้บริหารวัดพระธรรมกายอาตมาจะทำตามคำสั่ง
      สอนของพระพุทธเจ้าคือการสั่งสอนให้คนละบาปก่อน โดยการเอาเงิน
      หมื่อนล้านไปตั้งงบปราบยาเสพติด ไปชนกับไอ้พวกค้ายาเสพย์ติด
      เพราะถึงแม้ว่าจะสร้างเจดีย์เสร็จ แต่คนก็ยังติดยารอบเจดีย์ ไม่มีประ-
      โยชน์

      อาจารย์ฟันธงอย่างนี้แล้ว อยากเรียนถามว่าชาวพุทธทั่วไปที่กังขาใน
      ประเด็นเหล่านี้ ควรจะทำอย่างไร ณ ขณะนี้
      หลังจากอาตมาพูดอย่างนี้ เชื่อเถอะว่าเราได้ศัตรูอีกบาน แต่
      อยากขอให้กาลเวลา เป็นเครื่องพิสูจน์ขั้นต่อไปอาตมาอยากไปหาท่าน
      ผู้รู้ก่อนคือพระธรรมปิฎก แล้วเอาข้อมูลที่เขาทำกันขั้นนี่ไปหาพระ-
      ธรรมปิฎก ซึ่งท่านจะได้ชี้แจงให้เห็นว่า อะไรถูก อะไรผิด อะไรถูกต้อง
      อะไรไม่ถูกต้อง อะไรที่เป็นเปลือก อะไรที่เป็นกระพี้และอะไรที่เป็น
      แก่นแท้ที่ควรยึดถืออย่างแท้จริง

      การเผยแพร่หลักธรรมที่ถูกต้อง ควรทำอย่างไร
      พื้นๆ มีอยู่ 3 หลัก 1.ละบาปให้ได้ก่อน 2.ทำบุญตามกำลัง
      3.หมั่นทำจิตให้บริสุทธิ์ แต่นี่ไม่ได้สอนให้ละบาป เล่นทำบุญตะพึด
      แล้วยังทำบุญข่มขู่อีก เช่น ถ้าไม่รีบสร้างเจดีย์ให้เสร็จเดี๋ยวโลกจะแตก
      ถ้าสร้างเสร็จทันก็ไม่แตก

      หลักของการเผยแพร่ศาสนาพุทธคืออยู่ตรงนี้
      แค่ 3 หลัก ข้อแรกฟันธงไปเลยละชั่วกันให้เต็มที่ก่อน เมื่อไม่
      ทำชั่ว ถึงไม่ทำบุญก็อยู่ได้แล้ว แต่ถ้าทำบุญกันอุตลุด ยาเสพย์ติดจะ
      ระบาด คนฆ่าตัวตายทุกวัน ถามว่า เจดีย์เสร็จ คนฆ่าตัวตามน้อยลง
      หรือเปล่า เวลานี้อยากให้คนนิยมทำบุญช่วยคนจนกันก่อน เพราะคน
      จนไปผูกคอตาย หน้าทำเนียบรัฐบาล ไปบ้าสร้างเจดีย์กันเป็นร้อยเป็น
      พันล้าน แล้วคนชาวนามาผูกคอตายกันทุกวันๆ เราทนดูได้เหรอ เรามี
      เจดีย์ แต่คนอดตายกันทุกวัน ทนดูได้เหรอ

      ก่อนหน้านี้มีการพูดว่า เนื่องจากศาสนาพุทธของเรามีการเผยแพร่แบบ
      อนุรักษ์นิยมแบบค่อยเป็นค่อยไป ขณะที่บางศาสนามีการเผยแพร่แบบ
      ทันสมัย มีการจัดตั้ง มีความเคลื่อนไหวคนรุ่นใหม่ยอมรับกันเยอะ เพราะ
      ฉะนั้นการเกิดสำนักวัดพระธรรมกายขึ้นมาจึงน่าจะดี
      ถ้าถูก ถ้าทำตามกรอบตามแบบ ย่อมดีอยู่แล้ว แต่ขออย่าเอาเงิน
      ไปถล่มทลายเป็นหมื่นล้าน อาตมาอยากให้ดูกันที่เนื้อหาและอย่าขู่กัน
      ว่าถ้าไม่ทำบุญแล้วโลกจะแตก แล้วอย่ามาอ้างว่า ทำบุญที่วัดพระธรรม
      กายแล้ว จะสอบเอ็นทรานซ์ได้ อย่าบอกอย่างนี้ ถ้าไม่บอกอย่างนี้ ทำไป
      ซิ ไม่มีใครเขาขัดหรอก มีแต่จะสนับสนุนเพื่อความเจริญรุ่งเรืองของ
      พระศาสนา รูปแบบที่พาคนเข้า วัดได้ ถูกแล้ว ดีแล้ว แต่พอเข้าไปแล้ว
      คุณสอนอะไร คุณให้หนังสืออะไรเขามา ให้หนังสืออะไรที่หนังสือบอก
      ว่าทำบุญแล้วสอบเอนทรานซ์ได้ ทำบุญ 10 ล้าน จะได้เพิ่มมา 20 ล้าน
      แล้วถ้ามันไม่ได้คุณรับประกันหรือเปล่า

      ภาพในโฆษณา มีภาพที่คนส่วนใหญ่รู้ว่าเป็นพระพุทธเจ้า แต่ที่ฐานองค์
      พระกลับจารึกว่า พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร) หมายความว่าอย่างไร
      ตรงนี้เขาทำไม่ถูก ซึ่งรูปนี้เขารู้กันทั่วไปว่าเป็นพระพุทธเจ้า
      แล้วทำไมลงจึงเป็นหลวงพ่อสด ในอนาคตเด็กที่ไม่รู้เรื่องจะต้องคิดว่า
      พระพุทธเจ้าคือพระมงคลเทพมุนี

      เรื่องการเร่งสร้างอะไรในเวลาบ้านเมืองประสบปัญหาเศรษฐกิจ
      อย่างนี้ ก็ไม่เหมาะสมอยู่แล้ว น่าจะเข้าใจกันได้ ยิ่งมาระดมเงินกันขนาด
      หนักในช่วงที่ญาติโยมเขามีปัญหาสภาพคล่อง ยิ่งจะทำให้เขาหมดเนื้อ
      หมดตัว ทางวัดพระธรรมกายก็รู้ แต่ไม่รู้ว่าได้ศึกษาดูมั่งหรือไม่ว่ามัน
      เกินไปหรือไม่ การที่โฆษณาว่า ถ้าทำบุญแล้วจะได้เงินกลับมาเท่านั้น
      เท่านี้เช่น ทำไป 10,000 บาท ได้กลับมาก 100,000 บาท ตอนนี้อาตมา
      ได้ยินว่า มีพ่อคนหนึ่งพูดว่าให้เงินลูกเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการศึกษา แต่
      ไม่เอาไปเรียนหรอก เอาเงินไปทำบุญหมด แล้วมาบอกพ่อว่า เดี๋ยวคอย
      ดูนะเงินจะกลับมาเป็นสิบสิบเท่าเด็กไปโดนล้างสมองแล้ว และไม่มี
      ใครรับประกันว่าเงินจะกลับมา 10 เท่า แล้วมีเป้าหมายอย่างนี้ได้อย่างไร
      การทำบุญแบบนี้ไม่มีสอนเลย พระไตรปิฎกเราทำบุญเพื่อละทิ้งความ
      เห็นแก่ตัวละความโลภ นั่นไม่ใช่ว่าทำแล้วจะเอากลับมาอีก 10 เท่า ลอง
      เอาไปถามผู้เชี่ยวชาญดูได้เลย ให้ทำบุญแบบนี้หรือไม่ ที่บอกว่าทำไป
      เถอะจะกลับมาอีก 10 เท่า พูดแบบนี้เรายอมไม่ได้

      โดยหลักศาสนาแล้วไม่มีการพูดถึงเรื่องนี้ใช่หรือไม่
      ไม่มี อาตมารับประกันได้ พระพุทธเจ้าก็ไม่เคยรับประกันใคร
      ว่า ทำไป 5 กหาปณะ (หน่วยเงินในสมัยพุทธกาล) แล้วจะได้กลับมา
      เป็น 25 กหาปณะ ไม่มีในพระไตรปิฎก ไม่มีเก็งกำไรในการทำบุญ สิ่ง
      ที่ธรรมกายทำอยู่ เป็นการยั่วให้คนโลภ โลภในบุญ มันยิ่งกว่าเล่นหวย
      อีก มันเป็นบุญหวยไปเลย มันยิ่งกว่า 18 มงกุฎ อย่างนี้มัน 108 มงกุฎ

      ถ้าจะวิเคราะห์การกระทำของวัดธรรมกายน่าจะออกมาในรูปใด
      น่าจะเป็น 2 ลักษณะ คือ 1.วิเคราะห์ทางเชิงผลประโยชน์ 2.เป็น
      การหลงทาง ซึ่งจิตเขาอาจจะหลงก็ได้ แต่ที่แน่นอนเห็นชัดว่าเป็นการ
      เอาผลประโยชน์ เอาเป็นเงินจะอ้างก็อ้างว่าเขาไม่ได้เอาเข้าตัว เขาก็ไป
      สร้างวัตถุนี้ไว้ซึ่งจะมีอายุต่อไปเป็นพันปี แต่ว่าเรามาคิดดูแล้วกัน บรม-
      พุทโธ อะไรที่ใหญ่ๆ ในพระพุทธศาสนาที่เขาทำกันมาก่อน มันก็สลาย
      ไปหมดแล้ว ถ้ามันจะอยู่มันก็ต้องมีหลักฐาน สร้างหลักฐานให้มันมั่น
      คงถูกต้อง ที่เราต้องออกมากระโดกกระดาก เพราะเรากลัวว่าเขาจะหา
      ว่าเรานิ่งเสียเป็นการอนุมัติไปในตัว การนิ่งก็คือการอนุมัติให้เขาทำแล้ว
      เพราะฉะนั้นเราชาวพุทธต้องไม่นิ่งเฉยต่อการอวดอุตริ ลวงโลกของวัด
      ธรรมกาย

      ที่มีคนระดับ ดร. และผู้มีชื่อเสียงต่างๆ แสดงความปีติดีใจว่า เห็นหลวง
      พ่อสดมาปรากฏกายให้เห็นท่ามกลางแสงแดดจัดที่ไม่ร้อน พร้อมกับ
      แสดงความปรารถนาให้หลวงพ่อเห็นตนด้วยและช่วยพาให้ตนพ้นจาก
      กองทุกข์ ให้แตกฉานในวิชชาเช่นท่าน ซึ่งเป็นเหตุการณ์เมื่อวันที่ 6 ก.ย.
      และ 11 ต.ค.ที่ผ่านมา ตรงนี้ท่านเห็นเป็นอย่างไร
      พระพุทธเจ้าของเราเป็นเพียงผู้ชี้ทาง ส่วนการเดินทางเป็นเรื่อง
      ของแต่ละคน นี่มาอ้อนวอนให้หลวงพ่อต้องเป็นอย่างนั้นต้องเป็นอย่าง
      นี้ขอตะพึด ศาสนาพุทธไม่ใช่ศาสนาอ้อนวอน นี่แสดงว่าเป็นลัทธิอ้อน
      วอนไปแล้ว


คัดลอกจากสยามธุรกิจ ฉบับวันที่ 1-7 พฤศจิกายน 2541