Menu SideLook

banner.gif (7901 bytes)

และที่ ห้างอิมพีเรียลลาดพร้าว ชั้น 2 ตู้ 59 ตั้งแต่ 13.00 - 19.00 ทุกวัน

ประวัติ
             หลวงปู่ทิม นามเดิมชื่อทิม นามสกุลงามศรี เป็นบุตรของนายแจ้ นางอินทร์ งามศรี เป็นหลานของหลวงปู่สังข์พระปรมาจารย์ผู้เรืองวิชาอาคมอย่างยิ่งในสมัยนั้น หลวงปู่สังข์องค์นี้เป็นผู้ก่อตั้งวัดละหารไร่ขึ้น เป็นพระที่เรืองวิทยาอาคมมากน้ำลายที่ท่านถมถ้าถูกพื้น ๆ จะแตก เมื่อทางจังหวัดทราบถึงความเก่งกล้าในวิทยาอาคมของท่าน จึงนิมนต์มาอยู่ที่วัดเก๋งจีน และได้สร้างพระเนื้อตะกั่ววัดเก๋งจีนขึ้น บรรดาตำราและวิทยาการต่าง ๆ หลวงปู่สังข์ได้ทิ้งไว้ที่วัดละหารไร่และส่วนใหญ่หลวงปู่ทิมก็ได้ศึกษามาจากตำราของหลวงปู่สังข์นี้
            หลวงปู่ทิมเกิดที่บ้านหัวทุ่งตาบุตร หมู่ที่ 2 ตำบลละหาร อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง มีพี่น้องร่วมท้องเดียวกันเป็นชาย 3 หลวงปู่ทิมเป็นคนที่ 2 เกิดเมื่อ ปีมะแม วันศุกร์ เดือน 7 ตรงกับวันที่ 6 เดือน มิถุนายน 2422 เมื่อท่านพระครูภาวนาภิรัติหรือหลวงพ่อทิม มีอายุเจริญวัยได้ 17 ปี นายแจ้ผู้เป็นบิดาได้ส่งเสียและนำตัวของหลวงปู่ทิมไปฝากไว้กับท่านพ่อสิงห์ ที่วัดได้เล่าเรียนหนังสือกับท่านพ่อสิงห์พระอาจารย์เป็นเวลาประมาณ 1 ปี และมีความสามารถเรียนรู้จนเข้าใจเขียนได้อ่านออกดีแล้วนายแจ้ผู้เป็นบิดาของท่านจึงได้ไปกราบนมัสการท่านพ่อสิงห์ขอลา
            หลวงปู่ทิมกลับมาอยู่ที่บ้านเช่นเดิม และท่านพระครูภาวนาภิรัติ หลวงปู่ทิม ก็ได้ช่วยพ่อแม่ทำงานและหาเลี้ยงพ่อแม่ตามวิสัยลูกที่ดีและรู้จักมีความกตัญญูกตเวที รู้จักปฏิบัติพ่อแม่มาด้วยดีตลอด แต่โดยในระยะนี้ท่านพระครูภาวนาภิรัติ มีนิสัยชอบเป็นพรานคะนอง ออกเที่ยวล่าสัตว์แต่มิได้นำมาเพื่อเป็นการค้า โดยเลี้ยงชีวิตและครอบครัวเรื่อย ๆ มา จนถึงอายุได้ 19 ปี ท่านจึงถูกเลือกเข้าเป็นลูกหมู่หรือทหารประจำการในสมัยนี้ อยู่ที่กรุงเทพ ฯ ถึง 4 ปีเศษ จึงได้รับการปลดปล่อยกลับมาอยู่ที่บ้านตามเดิมและเมื่อกลับมาอยู่บ้าน บิดาของท่านจึงได้ขออนุญาติและจัดการอุปสมบทให้เป็นพระภิกษุ

อุปสมบท
            หลวงปู่ทิมอุปสมบท เมื่อวันที่ 7 เดือนมิถุนายน 2449 ตรงกับปีมะแม เดือน 6 วันเสาร์ ขึ้น 7 ค่ำ โดยมีพระคุณเจ้าท่านพระครูขาว วัดทับมาเป็นพระอุปัชณายะ และพระอาจารย์สิงห์ เป็นพระอนุกรรมวาจา พระอาจารย์เกตุ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ณ พัทธสีมา วัดละหารไร่ ได้ฉายานามสงฆ์ว่า อิสริโก เมื่อท่านบวชเป็นพระภิกษุแล้วท่านก็มาอยู่ที่วัดกับพระอาจารย์ได้ 1 พรรษา เมื่ออยู่ครบพรรษาแล้วท่านก็ได้ขออนุญาตและมนัสการกราบลาอาจารย์ออกธุดงด์ไปหลายจังหวัดเป็นเวลา 3 ปี
            ครั้นใกล้เทศกาลเข้าพรรษา ท่านก็กลับมาถึงจังหวัดชลบุรีและท่านก็ได้จำพรรษาอยู่ที่วัดนามะตูมเป็นเวลาถึง 2 พรรษา และท่านได้เที่ยวร่ำเรียนวิชากับเกจิอาจารย์หลายอาจารย์ด้วยกันที่เมืองชลเป็นเวลา 2 ปี เศษ และต่อมาท่านพระครูภาวนารภิรัติ ท่านจึงกลับมาอยู่ที่วัดละหารไร่หรือ (วัดไร่วารี) ตามเดิมและท่านได้เรียนทางวิปัสสนากรรมฐานกับอาจารย์และอื่น ๆ อีกหลายอาจารย์ด้วยกัน ต่อมาท่านได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่วัดละหารไร่ และท่านได้ก่อสร้างเสนาสนะบูรณะซ่อมแซมกุฏิ และอื่น ๆ อีกหลายอย่างพร้อมด้วยญาติโยมทั้งหลายก็มีความเลื่อมใสต่อท่านมาก เพราะท่านเป็นพระที่เคร่งในธรรมะและวินัยเป็นที่น่าเคารพมาก ต่อมาท่านจึงชักชวนบ้านและญาติโยมทั้งหลายได้ก่อสร้างพระอุโบสถขึ้น 1 หลัง ประมาณ 1 ปีเศษ ก็แล้วเสร็จและผูกพัทธสีมาเรียบร้อยในระยะเวลาเพียง 1 ปีเศษเท่านั้น และต่อมาท่านจึงได้ก่อสร้างโรงเรียนประชาบาลขึ้นอีก 1 หลัง โดยมีทางอำเภอและจังหวัดร่วมด้วย โดยใช้เวลาการก่อสร้างเพียง 8 เดือน ก็แล้วเสร็จเรียบร้อยเปิดให้นักเรียนเข้าเล่าเรียนได้เรียบร้อย ต่อมาท่านก็ชักชวนชาวบ้านช่วยกันพัฒนาก่อสร้างสะพานข้ามคลองอีกหลายแห่ง งานของท่านก็ได้บรรลุถึงความสำเร็จโดยเรียบร้อยทุกประการ และทางเจ้าคณะจังหวัดได้อาราธนานิมนต์หลวงปู่ทิมท่านมารับเป็น พระครูภาวนาภิรัติ ในวันที่ 5 ธันวาคม 2507 หลวงปู่เป็นพระที่น่าเคารพและบูชาเป็นอย่างยิ่ง ท่านเป็นพระที่ยึดมั่นในพระธรรมและวินัยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเป็นพระมักน้อย สันโดษ ไม่ยินดียินร้ายในรูป เสียง กลิ่น รส เท่าที่ผมได้สังเกตดูท่านฉันเช้าประมาณ 1 โมงเช้าและน้ำชาก็เวลา 4 โมงเย็น ถ้าเลยเวลาหลวงปู่ไม่ยอมฉันแม้แต่น้ำชา ท่านฉันข้าวมื้อเดียวมาประมาณ 47 ปี และ เนื้อ หมู เป็ด ไก่ หรืออาหารคาวทุกชนิด ท่านไม่ยอมฉัน มา 47 ปีแล้ว แม้แต่น้ำปลาก็ไม่ฉัน อาหารที่ท่านฉันเป็น ผัก ถั่ว หรือเส้นแกงร้อน น้ำพริกกับเกลือป่นอย่างนี้อยู่เป็นนิจตลอดมา

อภินิหารของหลวงปู่ทิม

วัตถุมงคล