ลักษณะเด่นของ B18C - R นั้นจริงๆ แล้วได้ถูกจูนเครื่องมาจากโรงงานเรียบร้อยแล้ว ซึ่งถ้าเอามาเทียบกับ INTEGRA ตัวธรรมดาละก็ อย่างเช่น การเปลี่ยนให้เป็นแคมองศาสูงขึ้น (จากเดิม IN 230 -> IN 240 , EX 227 -> EX 235) แล้วยังเพิ่มลิฟเข้าไปอีก 1 มม. ขยายขนาดลิ้นปีกผีเสื้อ เพิ่มขนาดท่อไอดี เป็นต้น
แต่กำลังที่ได้นั้นถ้าดูจาก แคทตาล๊อคแล้วในนั้นก็จะเขียนว่ามีกำลังอยู่ 200 แรงม้า แต่ในความเป็นจริงแล้ว พอเอามาวัดแล้วส่วนใหญ่จะได้ผลออกมาที่ประมาณ 180 + ... แรงม้า

ดังนั้นถ้าจะจูนแบบ NA จะก็ วิธีแบบธรรมดาที่สุดก็น่าจะเป็นการเพิ่มขนาดกระบอกสูบ อย่างเช่นเอาเสื้อของ B20B มาใส่ ซึ่งตรงนี้ทำออกมาแล้ว น่าจะมีกำลังเพิ่มออกมาเกือบๆ 30 แรงม้า ซึ่งแน่นอนทอร์คก็ออกมาให้เห็นๆ เช่นกัน แต่ทว่าการจูนแบบ NA นั้น จำเป็นที่จะต้องใช้เงินมากพอสมควรถึงจะแรงได้ดังใจ

อีกด้านหนึ่งนั้น เพื่อลดต้นทุนให้ถูกลง แต่ได้กำลังม้าอย่างรวดเร็วก็คงจะไม่พ้นการเซ็ตเทอร์โบเข้าไป ตัวอย่างง่ายๆ สำหรับที่ TOP FUEL ที่ทำอยู่นั้น ก็จะเป็น ชุดคิทเทอร์โบที่มีแอคจูเอเตอร์ ติดมากับเทอร์โบ (GT2530) ราคาก็จะอยู่ประมาณ 348,000 เยน ซึ่งถ้าจะจูนถึงระดับนี้แล้วละก็ สามารถที่จะลงไปแข่งในสนามได้เลยทีเดียว

อีกอย่างนึงนั้น ถ้าใครอยากจะให้รถขับเคลื่อนล้อหน้าออกไปเสนอหน้าในควอเตอร์ไมค์ละก็ ใส่เวสเกตเข้าไปน่าจะทำแรงม้าออกมาประมาณ 400 แรงม้าได้ ถ้าทำถึงขนาดนี้แล้ว ก็แน่นอน ในชั้น 2000 เทอร์โบ หรือไม่แน่อาจจะไปแข่งกับชั้นของ GT-R ก็อาจจะได้มั้ง

สำหรับ B16A/B นั้นก็เหมือนกัน ขึ้นตอนในการจูนเครื่องนั้น ก็น่าจะทำการเพิ่มขนาดกระบอกสูบให้เป็น 1.8 ลิตร หรือไม่ก็ไปที่ 2 ลิตรเลยก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

B18 เป็น 2 ลิตร
ถ้าจะเพิ่มความจุกระบอกสูบจาก 1.8 ให้เป็น 2 ลิตรละก็ โดยทั่วไปแล้วจะเอาเสื้อของ B20B มาใส่กัน ซึ่งจะทำให้แรงอัดเพิ่มขึ้น แต่ถ้าคิดจะเอาดีทาง NA ละก็กระเป๋าอาจจะฉีกได้ง่าย

สำหรับกำลังที่ได้มานั้นคงไม่มากมายเหมือนกับการจูนกับเครื่องเทอร์โบ แต่ว่าที่ได้มาในช่วงรอบกลางๆ นั้นน่าจะได้เพิ่มมาประมาณ 25 แรงม้า และจะได้ทอร์คมาด้วยในช่วงความเร็วต้นและกลาง เช่นกัน และผลที่วัดแรงม้ากับการจูนแบบนี้ ก็ได้ผลออกมาเป็น 226.8 แรงม้า ก็ถือได้มาได้เพิ่มมาไม่น้อยทีเดียวสำหรับการจูนแบบ NA

B18C + Turbo(K37)+ Waste gate 420 ps.

ถ้าจะไปเอาดีทางควอเตอร์ไมค์ละก็ B18C + Turbo + waste gate ก็น่าจะเป็นการจูนที่เหมาะสมที่สุด ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับการเลือกเทอร์โบมาใช้ กำลังที่จะได้มานั้นแน่นอนมีสิทธิ์ที่จะเกิน 600 แรงม้าอยู่แล้ว แต่ทว่าชีวิตของเครื่องยนต์นั้นอาจจะสั้นลง ตรงนี้ก็เลยจำเป็นที่ต้องทำไว้ที่ประมาณช่วง 400 แรงม้า ซึ่งถือว่าน่าจะเป็นจุดที่ดีที่สุด และน่าจะทำเวลาได้อยู่ประมาณช่วง 11 วินาที

อีกอย่างหนึ่ง ถ้าจะไม่เปลี่ยนไส้ในของเครื่องแล้วละก็น่าจะทำไว้ประมาณ 360 แรงม้า และน่าจะเล็งไว้ที่ประมาณ 12 วินาที ซึ่งตรงจุดนี้ถือว่าปลอดภัยกับเครื่องก็ว่าได้ และที่น่าจะดีที่สุดสำหรับเครื่องเดิมๆ นั้นก็น่าจะเลือกเทอร์โบคิทของ K26 ซึ่งได้วัดออกมาได้กำลังที่ 380 แรงม้าแต่เป็นที่น่าเสียดายในตอนวัดนั้น ถูกรอบตัดซะก่อน

และที่สำคัญ ในการทำชุดเทอร์โบกับเวสเกตนั้น กำลังที่ได้มานั้นแน่นอน 350 - 400 แรงม้า นั้นมีแน่ แต่ทว่าความเร็วที่ได้มานั้นอาจจะไม่เต็มๆ เนื่องจากว่า ทั้งช่วงล่าง ยาง และ อื่นๆ ซึ่งเป็นปัจจัยที่มองข้ามไปไม่ได้ และที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือฝีมือการขับ อันนี้เป็นของตายอยู่แล้วใช่ไหมครับ