เดลินิวส์
23/9/2543
คดีวัดดังธรรมกายสู้มานานคงยื้ออีก
ปัญหาวัดพระธรรมกาย ส่อแววไม่จบง่ายๆเสียแล้ว หลังต่อสู้กันมาหลายปี แม้ข้อกล่าวหาจะมีมูล แต่คณะผู้พิจารณาชั้นต้น ยังไม่สามารถรับฟ้องได้ เพราะขัดกับมติมหาเถรสมาคมของเมื่อ 20 กว่าปีก่อน ส่งผลพวงให้กระบวนการนิคหกรรมต้องยืดเยื้อออกไปอีก ด้านอธิบดีกรมการศาสนา เผยผลจะลงเอยเช่นไรนั้นควรน้อมรับ เหมือนกับการแข่งขันซีดนีย์เกมส์ พอกรรมการตัดสินแล้วต้องยอมรับ หากจะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์บ้างย่อมเป็นธรรมดา
เกี่ยวกับกรณีปัญหาวัดธรรมกาย ที่ยังยืดเยื้อบานปลายไม่จบง่ายๆ เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 22 ก.ย. ที่วัดสามพระยา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะผู้พิจารณาชั้นต้นของศาลสงฆ์ที่มีพระธรรมโมลี รักษาการเจ้าคณะภาค 1 เป็นหัวหน้าคณะ ได้เรียกนายมาณพ พลไพรินทร์ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษกรมการศาสนา และนายสมพร เทพสิทธา ประธานสภายุวพุทธิกสมาคมฯ 2 ผู้ยื่นกล่าวโทษให้มีการสอบนิคหกรรมพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย และพระทัตตชีโว รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ให้มารับทราบมติของคณะผู้พิจารณาชั้นต้นว่า หลังจากได้ไต่สวนแล้วจะรับฟ้องหรือไม่
ภายหลังการเข้าพบนานประมาณ 1 ชั่วโมง นายมาณพ และนายสมพร ร่วมกันแถลงว่า คณะผู้พิจารณาชั้นต้นได้ไต่สวนแล้วและเห็นว่าข้อกล่าวหามีมูล อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถรับฟ้องได้ เนื่องจากติดขัดที่มติมหาเถรสมาคม (มส.) ที่ 27/2522 วันที่ 30 พ.ย. 2522 ที่ระบุว่า กรณีมีการฟ้องร้องเรื่องละเมิดพระธรรมวินัย ละเมิดจริยาพระสังฆาธิการร่วมกัน ให้แยกฟ้องคนละเรื่องศาลสงฆ์จึงจะรับไว้พิจารณาได้ รายงานข่าวแจ้งว่า เดิมนั้นคณะผู้พิจารณาชั้นต้นส่วนใหญ่ต่างเห็นพ้องกันว่าจะรับฟ้องตามที่มีการกล่าวหาเลย เพราะมีมูลแต่เนื่องจากมีผู้นำมติ มส.ดังกล่าวซึ่งเป็นมติเมื่อกว่า 20 ปีก่อนมาทักท้วง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องดำเนินการให้สอดคล้องไม่ให้ขัดกับมติ มส. ส่งผลให้กระบวนการนิคหกรรมต้องยืดเยื้อต่อไปอีก
ดังนั้นผู้กล่าวหาทั้ง 2 จึงต้องนำข้อกล่าวหาต่างๆมารวมกันแล้วแยกฟ้องเพื่อไม่ให้ขัดกับมติ มส.ดังกล่าว เช่น เรื่องบิดเบือนคำสอนพระพุทธเจ้า อวดอุตริมนุสธรรม ยักยอกทรัพย์ ก็ต้องแยกให้ชัดเจนว่าเป็น ข้อกล่าวหาที่ละเมิดในข่ายไหน จากนั้นจึงค่อยยื่นใหม่อีกครั้งต่อเจ้าคณะผู้ปกครองตามลำดับชั้น หรืออาจยื่นต่อคณะผู้พิจารณาชั้นต้นได้เลยในบางข้อกล่าวหา ทั้งนี้ นายมาณพและนายสมพรระบุว่าจะมีการยื่นใหม่อีกครั้งภายใน 15 วัน โดยทางคณะผู้พิจารณา ชั้นต้นยืนยันว่าจะรับฟ้องแน่นอน และจะเร่งดำเนินการพิจารณาโดยเร็วที่สุด ไม่จำเป็นต้องมีการไต่สวนใหม่อีก
ทางด้านนายไพบูลย์ เสียงก้อง อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวถึงการไต่สวนมูลฟ้องตามกฏนิคหกรรม ของคณะผู้พิจารณาชั้นต้น ว่า ที่ผ่านมากรมการศาสนาได้ทำหน้าที่ในการนำเรื่อง ดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการที่ถูกต้องแล้ว ส่วนผลจะเป็นอย่างไรคงต้องขึ้นอยู่กับคณะผู้พิจารณา ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องยอมรับ เนื่องจากเป็นกระบวนการที่เป็นไปตามขั้นตอน อย่างไรก็ตามการที่สังคมจะยอมรับหรือมีความคิดเห็นแตกต่าง ออกไปจากผลการพิจารณาที่ออกมาก็เป็นสิทธิของแต่ละบุคคล เหมือนกับการแข่งขัน กีฬาโอลิมปิคที่ซีดนีย์ เมื่อกรรมการได้ตัดสินไปแล้วก็ต้องยอมรับตามกติกานั้น แม้ว่าบางครั้งผลที่ออกมาจะค้านกับความคิดเห็นของผู้ชม ซึ่งแต่ละคนก็มีสิทธิที่จะวิพากษ์วิจารณ์การตัดสินของกรรมการได้