พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ของมหามกุฏราชวิทยาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์
เล่มที่ 26
สังยุตตนิกาย นิทานวรรค หน้า 630-632 ข้อ 531-535 สัทธรรมปฏิรูปกสูตร
๑๓. สัทธรรมปฏิรูปกสูตร
ว่าด้วยพระสัทธรรมกำลังเลือนหายไป
[ ๕๓๑ ] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่
ณ พระเชตวันอารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี
กรุงสาวัตถี ณ ครั้งนั้น ท่านพระมหากัสสปเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ
ครั้นเข้าไปเฝ้าแล้วถวายอภิวาทแล้วนั่ง
ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นท่านพระมหากัสสปนั่งเรียบร้อยแล้วได้กราบทูลถามว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอแล เป็น
เหตุ เป็นปัจจัย ให้เมื่อก่อนสิกขาบทมีน้อยและภิกษุตั้งอยู่ในพระอรหัตผลมีมาก
และอะไรเป็นเหตุ เป็นปัจจัย ให้บัดนี้สิกขา บทมีมากและภิกษุตั้งอยู่ในพระอรหัตผลมีน้อย
[ ๕๓๒ ] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนกัสสป
ข้อนั้นเป็นอย่างนี้คือ เมื่อหมู่สัตว์เลวลง
พระสัทธรรมกำลัง
เลือนหายไป สิกขาบทจึงมีมากขึ้น ภิกษุที่ตั้งอยู่ในพระอรหัตผลจึงน้อยเข้า
สัทธรรมปฏิรูป (สัทธรรมปลอม)
ยังไม่เกิดขึ้นใน โลกตราบใด ตราบนั้นพระสัทธรรมก็ยังไม่เลือนหายไป และสัทธรรมปฏิรูปเกิดขึ้นในโลกตราบใด
เมื่อนั้นพระสัทธรรมจึง
เลือนหายไป ทองเทียมยังไม่เกิดขึ้นในโลกตราบใด
ตราบนั้นทองคำธรรมชาติก็ยังไม่หายไป และเมื่อทองเทียมเกิดขึ้น ทองคำธรรมชาติจึงหายไปฉันใด
พระสัทธรรมก็ฉันนั้น สัทธรรมปฏิรูปยังไม่เกิดขึ้นในโลกตราบใด ตราบนั้นพระสัทธรรม
ก็ยังไม่เลือนหายไป เมื่อสัทธรรมปฏิรูปเกิดขึ้นเมื่อใด
เมื่อนั้นพระสัทธรรมจึงเลือนหายไป
[ ๕๓๓ ] ดูก่อนกัสสป ธาตุดินยังพระสัทธรรมให้เลือนหายไปไม่ได้ ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม ก็ยังพระสัทธรรมให้เลือน หายไปไม่ได้ ที่แท้โมฆบุรุษในโลกนี้ต่างหากเกิดขึ้นมาก็ทำให้พระสัทธรรมเลือนหายไป เปรียบเหมือนเรือจะอับปาง ก็เพราะ ต้นหนเท่านั้น พระสัทธรรมยังไม่เลือนหายไป ด้วยประการฉะนี้
[ ๕๓๔ ] ดูก่อนกัสสป เหตุฝ่ายต่ำ ๕ ประการนี้
ย่อมเป็นไปพร้อมเพื่อความฟั่นเฟือน เพื่อความเลือนหายแห่งพระ
สัทธรรม เหตุฝ่ายต่ำ ๕ ประการเป็นไฉน คือ
ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ในธรรมวินัยนี้ ไม่เคารพยำเกรง
ในพระศาสดา ๑ในพระธรรม ๑ ในพระสงฆ์ ๑ ในสิกขา ๑ ในสมาธิ ๑ เหตุฝ่ายต่ำ
๕ ประการเหล่านี้แล ย่อมเป็นไปพร้อมเพื่อความฟั่นเฟือน เพื่อความเลือนหายแห่งพระสัทธรรม
[ ๕๓๕ ] ดูก่อนกัสสป เหตุ ๕ ประการเหล่านี้แล
ย่อมเป็นไปพร้อมเพื่อความตั้งมั่น ไม่ฟั่นเฟือน ไม่เลือนหายแห่งพระ
สัทธรรม เหตุ ๕ ประการเป็นไฉน คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ในธรรมวินัยนี้
มีเคารพยำเกรงในพระศาสดา ๑
ในพระธรรม ๑ ในพระสงฆ์ ๑ ในสิกขา ๑ ในสมาธิ ๑ เหตุ ๕ ประการเหล่านี้แล ย่อมเป็นไปพร้อมเพื่อความตั้งมั่น
ไม่ฟั่นเฟือน ไม่เลือนหายแห่งพระสัทธรรม
พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ของมหามกุฏราชวิทยาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์
เล่มที่ 26
สังยุตตนิกาย นิทานวรรค หน้า 639 ข้อ 536-537 สุทธกสูตร
๑. สุทธกสูตร
ว่าด้วยลาภสักการะเป็นอันตรายต่อการบรรลุธรรม
[ ๕๓๖ ] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้ :-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี
กรุงสาวัตถี ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า พระเจ้าข้า
[ ๕๓๗ ] พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลายลาภสักการะ และความสรรเสริญ
ทารุณ
เผ็ดร้อน หยาบคาย เป็นอันตรายแก่การบรรลุธรรมอันเกษมจากโยคะ ซึ่งไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่า
เพราะฉะนั้น
แหละ เธอทั้งหลายพึง ศึกษาอย่างนี้ว่า เราทั้งหลายจักละลาภสักการะและความสรรเสริญที่เกิดขึ้นแล้วเสีย
และลาภสักการะและความสรรเสริญ ที่บังเกิดขึ้นแล้ว จักครอบงำจิตของเราทั้งหลายตั้งอยู่ไม่ได้
เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แหละ
พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ของมหามกุฏราชวิทยาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์
เล่มที่ 26
สังยุตตนิกาย นิทานวรรค หน้า 645-646 ข้อ 547-548 เอฬกสูตร
๕. เอฬกสูตร
ว่าด้วยคนติดลาภสักการะเหมือนแมลงวัน
[ ๕๔๗ ] พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่
ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี ณ
ที่นั้นแลพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลายลาภสักการะและความสรรเสริญทารุณ
เผ็ดร้อน หยาบคาย เป็นอันตรายแก่การบรรลุธรรมอันเกษมจากโยคะ ซึ่งไม่มีธรรมอื่นยิ่งไปกว่า
[ ๕๔๘ ] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
แมลงวันกินขี้เต็มท้อง และข้างหน้ายังมีขี้กองใหญ่ มันพึงดูหมิ่นแมลง
วันเหล่าอื่นว่า เรากินขี้เต็มท้องแล้ว และเรายังมีกองขี้ใหญ่อยู่ข้างหน้าอีกฉันใด
ภิกษุบางรูปในธรรมวินัยนี้ อันลาภสักการะและความสรรเสริญครอบงำ ย่ำยีจิตแล้วก็ฉันนั้น
เวลาเช้า นุ่งแล้วถือบาตรและจีวรเข้าไป
บิณฑบาตยังบ้านหรือนิคม ฉันอยู่ ณ ที่นั้นพอแก่ ความต้องการแล้ว และทายกนิมนต์เพื่อให้ฉันวันรุ่งขึ้น
แม้บิณฑบาตของเธอจะเต็มแล้ว เธอไปอารามแล้ว อวดอ้างที่ท่ามกลาง หมู่ภิกษุว่า
ผมฉันพอแก่ความต้อง
การแล้ว ทายกยังนิมนต์เพื่อให้ฉันในวันรุ่งขึ้น บิณฑบาตของผมก็เต็ม และยังจะได้จีวร
บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลานปัจจัยเภสัชบริขารอีก ส่วนภิกษุเหล่าอื่นนี้มีบุญน้อย
มีศักดิ์น้อย จึงไม่ได้จีวร บิณฑบาต
เสนาสนะ และคิลานปัจจัยเภสัชบริขาร เธออันลาภสักการะและความสรรเสริญครอบงำย่ำยีจิตแล้ว
ย่อมดูหมิ่นภิกษุเหล่าอื่น ผู้มีศีลเป็นที่รัก ข้อนั้นของโมฆบุรุษนั้นย่อมเป็นไปเพื่อสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์
เพื่อทุกข์สิ้นกาลนาน ลาภสักการะและความสรรเสริญ ทารุณ เผ็ดร้อน หยาบคาย
เป็นอันตรายแก่การบรรลุธรรม
อันเกษมจากโยคะ ซึ่งไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่า อย่างนี้แล เธอทั้งหลาย พึงศึกษาอย่างนี้แหละ
พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ของมหามกุฏราชวิทยาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์
เล่มที่ 26
สังยุตตนิกาย นิทานวรรค หน้า 652-653 ข้อ 557-559 สคัยหกสูตร
๑0. สคัยหกสูตร
ว่าด้วยคนติดลาภสักการะตายไปตกอบายเป็นต้น
[ ๕๕๗ ] พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่
ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี ณ
ที่นั้นแลพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลายลาภสักการะและความสรรเสริญ
ทารุณ เผ็ดร้อน หยาบคาย เป็นอันตรายแก่การบรรลุธรรมอันเกษมจากโยคะ ไม่มีธรรมอื่นยิ่งไปกว่า
[ ๕๕๘ ] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
เราเห็นคนบางคนในโลกนี้ อันสักการะครอบงำย่ำยีจิตแล้ว เมื่อตายไป
เพราะ กายแตกทำลาย ต้องเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก อนึ่ง เราเห็นคนบางคนในโลกนี้
อันความเสื่อม
สักการะครอบงำ ย่ำยีจิต เมื่อตายไป เพราะกายแตกทำลายต้องเข้าถึงอบาย ทุคติ
วินิบาต นรก เราเห็นคน
บางคนในโลกนี้ อันสักการะ และความเสื่อมสักการะทั้งสองอยางครอบงำย่ำยีจิตแล้ว
เมื่อตายไปเพราะกาย
แตกทำลาย ต้องเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ดูก่อนภิกษุทั้งหลายลาภสักการะและความสรรเสริญ
ทารุณ
เผ็ดร้อน หยาบคาย เป็นอันตรายแก่การบรรลุธรรมอันเกษมจากโยคะ ไม่มีธรรมอื่นยิ่งไปกว่า
เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แหละ
[ ๕๕๙ ] พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้สุคตศาสดา ครั้นได้ตรัสคำไวยกรณภาษิตแล้ว ได้ตรัสคาถาประพันธ์ต่อไปว่า
สมาธิของผู้ใด
ที่เขาสักการะด้วยผลของสมาธิหาประมาณมิได้ ไม่หวั่นไหวด้วยสักการะ และ
ความเสื่อมสักการะ ผู้นั้นเพ่งอยู่ ทำความเพียรไปให้ติดต่อ เห็นแจ้งด้วยทิฏฐิอย่างละเอียด
ยินดีในพระ
นิพพานที่สิ้นอุปาทาน บัณฑิตทั้งหลาย เรียกว่าสัปบุรุษ ดังนี้