MITSUBISHI
Lancer Gsr EVOLUTION VI

"การปรับเปลี่ยนขึ้นชั้นของเวอร์ชั่นตัวแรง ครั้งล่าสุดในลักษณะของรถถนน"
-----------------เนื่องจากกฎข้อบังคับสำหรับรถแข่งแรลลี่โลกว่าจะต้องมีตัวถนนออกมาขายในจำนวนหนึ่ง ทั้งแบบที่ใกล้
เคียงกับรถแข่งและแบบที่ใช้วิ่งทั่วไป ทาง MITSUBISHI ก็เลยจัดการทำรถออกขายเป็นเรื่องเป็นราวเสียเลย  ซึ่งตรง
นี้เขาจัดการสร้างรุ่นพิเศษอย่าง EVOLUTION ขึ้นมา 2 ลักษณะ คือ ตัวหรูมีอุปกรณ์ครบ ในรหัส GSR และแบบตัว
เปล่าไม่มีอะไรเลยอย่าง RS
EVO VI  ตัวถนน ในเวอร์ชั่น GSR
-----------------รูปร่างหน้าตาของเจ้า EVO VI  ยังคงอาศัยพื้นฐานเก่าจากเวอร์ชั่นที่แล้ว ซึ่งเป็นตัวที่ได้รับการขยาย
ฐานล้อและใส่โป่งมาเรียบร้อยแล้ว หน้าตาของมันมีการปรับปรุงให้เห็นความแตกต่างจาก EVO V โดยเปลี่ยนโคมไฟ
เลี้ยวจากสีส้มมาเป็นสีขาว ส่วนที่เด่นชัดคือ "กันชนหน้า"  ซึ่งออกแบบมาให้มีความโค้งมนกลมกลืนมากกว่าตัวเก่า 
โดยคราวนี้ย้าย "สปอร์ตไลท์" ดวงกลมเล็กออกมาไว้ด้านนอกที่ทำเป็นเบ้ารับ มีส่วนนูนออกมาถึงด้านข้างปลายกันชน
ในอังกฤษนั้นเขาบอกว่าไฟชุดนี้เป็น  "ออฟชั่น"  ของ "RALLIART"  ที่ต้องจ่ายเพิ่ม และคิดว่าทุกคนก็คงยอมจ่ายเงิน
เพื่อให้มันดูครบชุดเป็นแน่ 
-----------------สำหรับช่องดักลมใกล้ๆกันนั้น จะดักลมเป่า "ออยล์คูลเลอร์" ซึ่งติดไว้หลังกันชนทางฝั่งขวาด้านคนขับ
โดยทางฝั่งซ้ายนั้นจะมีขายึดให้ติดป้ายทะเบียน สำหรับช่องดักลมตรงกลางที่มีขนาดใหญ่นั้นจะมีอินเตอร์คูลเลอร์วาง
อยู่เกือบเต็มพื้นที่ รับอากาศเย็นได้เต็มๆ ชายล่างของกันชนทีลักษณะเป็นสปอยเลอร์ในตัว เจาะช่องดักลมเพื่อเป่า
ระบายความร้อนเบรคหน้าเอาไว้เรียบร้อย โดยในรุ่นใหม่นี้ไม่มีปีกยหขึ้นมาอีกแล้ว แต่จะมีของให้แต่งเป็น "ครีบ
ระบายลม" ติดไว้ที่ปลายสุดของกันชน
-----------------ส่วนฝากระโปรงอลูมิเนี่ยมยังคงมีสไตล์ EVO V ที่เจาะช่องระบายความร้อนออกจากห้องเครื่องขนาด
ใหญ่ตรงกลางสองช่องด้วยกัน กับมี "ช่องดักอากาศ" ขนาดไม่ใหญ่นักทางด้านขวา ไว้ดักอากาศเข้าหม้อกรองในห้อง
เครื่อง ด้านข้างยังคงเส้นสายรูปทรงบอดี้ "ไฟ้ท้ายเบนซ์" เช่นเคย ลักษณะยังคงใช้พื้นฐานจาก EVO V มาทางด้าน
หลังจะเห็นความโดดเด่นของ "แพนหาง" ที่เป็นสปอยเลอร์แบบ "สองชั้น" ดดยปีกสามเหลี่ยมที่เคยเป็นส่วนฐานจะ
ยกขึ้นมาวางอยู่บนขารับสามขา จัดมุมรับลมไว้ตามตัว มีไฟเบรคดวงที่สามมาให้เรียบร้อย ด้านบนสามารถปรับมุม
ได้ 4 ระดับ
ภายในสปอร์ตแบบ เร้าใจ
-----------------รูปแบบดดยรวมอาจจะคล้ายกับตัวธรรมดา แต่ว่ารายละเอียดมันต่างกันเยอะ แม้จะเทียบกับตัวเดิม
อย่างรุ่นที่ห้าก็ยัง "เข้าตา" มากกว่าด้วยความรู้สึกหนักแน่นจากโทนสีเข้มของการตกแต่งด้วยสีน้ำเงินรอบคัน จาก
หน้าปัทม์ที่เคยใช้มาตรวัดแบบ "จอขาว" มาคราวนี้เปลี่ยนใหม่ไปใช้ "จอน้ำเงิน" เข็มแดง ตัวเลขขาว 
-----------------พวงมาลัยสปอร์ตสามก้านจาก "MOMO"  ฝังแอร์แบ็กไว้อย่างกลมกลืน ไม่เทอะทะและปรับระดับได้ 
หัวเกียร์หนังแท้ เย็บด้วยด้ายสีน้ำเงินเข้าชุดกัน  ที่เยี่ยมที่สุดก็คือ "เบาะนั่ง" ได้รับการติดตั้ง "RECARO"  แบบ
บั๊คเก็ตซีทปรับได้โทนสีน้ำเงินในคู่หน้า กับเบาะผ้าหุ้มแบบเดียวกันในด้านหลัง พรมปูพื้นหนานุ่มช่วยซับเสียงประทับ
โลโก้ EVO นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยอย่างแอร์แบ็กที่ให้มาทั้งสองฝั่ง และเข็มขัดนิรภัยครบทั้ง 5 
ที่นั่ง 
ขุมพลังยังคงแรงเช่นเดิม แต่ปรับปรุงให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น
-----------------เปิดฝากระโปรงมาก็เจอเครื่องแถวเรียงสี่สูบ วางขวาง ส่งกำลังไปตะกายทั้งสี่ล้อ โดยยังเป็นรหัส 4G63
ที่คุ้นเคยกันดี พิกัดขนาด 2.0 ลิตร ปริมาตรความจุ 1,997 ซีซี จากกระบอกสูบ 85.0 มม. กับระยะช่วงชัก 88.0 มม.
ฝาสูบดับเบิ้ลโอเวอร์เอดแคมชาฟท์ 16 วาล์วจ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดอิเลกทรอนิกส์ ECI-MULTI ใช้อัตราส่วนกำลัง
อัด 8.5 ต่อ 1 เพื่อรับกับการอัดกำลังด้วย "เทอร์โบชาร์จ" ของ MITSUBISHI แบบ Twin Scroll 
-----------------เรื่องการระบายความร้อนในตัวนี้มีการปรับปรุงเพิ่มจากตัวที่แล้วโดยเปลี่ยน "วาล์วน้ำ" แบบใหม่ ใช้
ลูกสูบที่มีช่องระบายความร้อน และใช้ออยล์คูลเลอร์แบบพิเศษ นอกจากนี้ยังขยายพอร์ทช่องทางเดินของไอดี และทาง
เข้าเทอร์โบเพื่อให้เครื่องยนต์สามารถสำแดงฤทธิ์ได้เต็มประสิทธิภาพ
-----------------ระบบส่งกำลังของ GSR EVOLUTION VI จะเน้นเอาสมรรถนะ เพราะฉะนั้นจึงมีมาเพียงเกียร์แมนน่วล
อย่างเดียว โดยจะเป็นแบบ Close Ratio เกียร์ถอยหลังมีอัตราทด 3.146 และใช้อัตราทดเฟืองท้าย 4.529 ต่อ 1 ปั่น
แรงม้าสู่พื้นผ่านเจ้า AYC  ซึ่งช่วยกระจายแรงขับในเฟืองท้ายให้เหมาะกับสภาพทาง นอกจากจะส่งผลในด้านสมรรถนะ
แล้ว ในด้านการทรงตัวโดยเฉพาะทางโค้งก็จะดียิ่งขึ้น
-----------------ประสิทธิภาพการทำงานของเทอร์โบ สำหรับเวอร์ชั่น EVO VI ตัวนี้จะเริ่มมีหวีด ให้ได้ยินและออกอาการ
ดึงตั้งแต่รอบเครื่องกวาดขึ้นไปแตะ 2,700 รอบต่อนาที และมันจะกวาดรอบเครื่องขึ้นไปเร็วมาก เมื่อกดคันเร่งที่เบา
เท้าลงไปเรื่อยๆจนรอบเครื่องแผดหวานยัน 7,700 รอบ/นาที 
ช่วงล่างสุดเฉียบ เบรคสุดยอด
-----------------อย่างชุดระบบกันสะเทือนดูๆไปมันก็เหมือนกับตัวธรรมดาที่เราๆท่านๆใช้กันอยู่ แต่ที่จริงมันมีอะไรๆ
ซ่อนไว้หลายอย่างทีเดียว ดดยในด้านหน้าจะเป็นแบบอิสระ แม็คเฟอร์สันสตรัท คอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง มีการ
ปรับปรุงเพิ่มเติมจากที่เคยใช้ในเวอร์ชั่นเก่า โดยปรับช่วงล่างด้านหน้าให้ต่ำลงกับระบบกันสะเทือนด้านหลัง ที่เป็นแบบ
มัลติลิงค์ ช็อคอับ คอยล์สปริง กับเหล็กกันโคลงก็มีการปรับปรุงเพิ่มเติมโดยใช้ขาอาร์มอลูมิเนียมตัวใหม่ที่ยาว และ
ปรับมุมต่ำลง ทำให้มีช่วงการทำงานที่ยาวขึ้น แค่นี้ก็มีผลขนาดที่ทำให้การทรงตัวดีกว่ารุ่นที่แล้ว อีกทั้งในทางโค้ง
ยังเกาะถนนขึ้นอีกโข
-----------------ระบบพวงมาลัยยังคงไว้ใจกับเจ้าแร็คแอนด์พิเนี่ยนทีมีเพาเวอร์ช่วยผ่อนแรง หมุนสุดได้ 2.6 รอบ และมี
วงเลี้ยวแคบสุก 11.0 เมตร ให้การตอบสนองที่ฉับไว  แม่นยำ และเที่ยงตรง ซึ่งก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้การขับขี่ 
EVO VI มีความเฉียบขาดแน่นอนจนยากที่จะหารถอื่นมาเทียม จีดเป็นรถที่มีแฮนด์ลิ่งดีที่สุดในการขับขี่
-----------------ระบบเบรคขึ้นชื่อลือชามาแต่ไหนแต่ไร ในเวอร์ชั่นพิเศษนี้ย่อมมีอะไรที่ไม่ธรรมดาแน่ อย่าไปหาดูในรถ
บ้านละกันเพราะมันคนละเรื่องกัน สำหรับ EVO Vi จะใช้ดิสค์เบรคทั้ง 4 ล้อ โดยฝีมือของ BREMBO จัดชุดมาให้
เป็นการเฉพาะ โดยจะเป็นแบบที่มีช่องระบายความร้อน กับคาลิปเปอร์แบบ 4 พอร์ท ส่วนด้านหลังจะเป็นแบบ 2 
พอร์ท พร้อม ABS คู่กับล้อขนาด 7.5 X17 นิ้ว กับยาง 225/45 ZR17  จากการทดสอบกระทืบเบรคจาก 60-0 ไมล์/ชม.
จะใช้เวลาในการหยุดสนิทเพียง 2.5 วินาทีเท่านั้น และจาก 70 -0 ไมล์/ชม. ใช้ระยะทางเพียง 47.2 เมตร เท่านั้น
สรุปส่งท้าย
-----------------ข้อมูลเกี่ยวกับผลการขับขี่อาจจะยังมีไม่มากเท่าไหร่ เพราะเป็นการทดสอบจากต่างประเทศ เอาเป็นว่า
อ่านเอามันแล้วกันครับ
สมรรถนะ