ASTON
MARTIN
DB 7
6.0 VANTAGE
รวมความเป็นหนึ่งในร่างเดียวกัน...
ตัวเล็กแต่ใจไม่เล็กด้วยม้าขนาดเบาะๆ 420 ตัวเอง...
-----------------ในอดีตค่ายรถนี้มีความเกรียงไกรพอสมควร
แถมยังขึ้นชื่อในเรื่องความหรูหราเช่นเดียวกับทาง ROLLS -
ROYCE
อีกด้วย และแม้จะเป็นเพียงน้องเล็กในตระกูล DB7 แต่ก็เป็นตัวที่ผู้คนนิยมใช้งานกัน
อันเนื่องมาจากความสมบูรณ์
แบบของตัวรถ
แถมภายในห้องโดยสารยังกว้างขวางสะดวกสบายอีกด้วย
แต่งให้ดุขึ้นอีกนิด
พร้อมทั้งเสริมความปลอดภัยให่้เพียบขึ้น
-----------------ครั้งแรกที่เปิดตัวในงานเจนีวามอเตอร์โชว์
เล่นเอาวงการช็อคกันเป็นแถว เนื่องจากสมัยนั้นเชื่อกันว่าสปอร์ต
พันธุ์แท้ต้องวางกลางขับหลังเท่านั้น
แต่เจ้านี่กลับแหกคอกด้วยการวางหน้าขับหลัง ทางด้านรูปลักษณ์นั้น ผู้ออกแบบกล่าว
ว่าไม่ต้องทำอะไรมาก
แค่จัดการดึงเอาเอกลักษณ์ที่เด่นๆจากเวอร์ชั่น DB1 จนถึง DB7 ออกมา
พวกแอโร่พาร์ทต่างๆนั้นไม่
จำเป็นต้องมี
โดยชุดไฟหน้าจะเป็นแบบ Quad head lamp โดยชุดไฟหรี่จะฝังไว้บริเวณมุมล่างซ้าย
ส่วนกระจังหน้าจะเป็น
แบบซี่ชุบโครเมี่ยม
-----------------หันมาดูด้านหลังกับด้านข้างบ้าง
ด้านหลังบังโคลนล้อหน้าจะมีช่องระบายลมเหมือนบรรพบุรุษ ส่วนบานประตู
จะเป็นแบบไร้กรอบกระจก
สอดไว้ในยางรูปตัว V คว่ำ ซึ่งเมื่อเปิดประตู กระจกจะเลื่อนลงเล็กน้อย ส่วนบั้นท้ายก็เป็นแบบ
เรียบๆ
ทั้งหมดนี้ทำให้เจ้า DB7 คันนี้มีความลื่นลมอยู่ที่ 0.31 และเมื่อมาดูกันที่โครงสร้างปรากฎว่าเจ้า
VANTAGE จะยัง
เหมือนเดิม
แต่ได้รับการเสริมอุโมงค์กลางเพิ่มให้แข็งแรงยิ่งขึ้น
หรูหราไฮคลาสตามแบบฉบับ
แถมยังมีอุปกรณ์ลูกเล่นอีกเพียบ
-----------------ขึ้นชื่อว่าเป็นรถหรูจากเมืองผู้ดีเรื่องความหรูคงไม่ต้องพูดถึง
ทั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆอยู่ในระดับ
แนวหน้า
ภายในห้องโดยสารจะบุด้วยหนังแท้ชั้นเยี่ยม โดยแทนที่เค้าจะประดับด้วยลายไม้ชั้นดี
ก็ได้จัดการเปลี่ยนเป็นแผง
ลายคาร์บอนไฟเบอร์
แต่คนที่มีวาสนาได้ลอง บ่นว่าพวกแผงสวิทช์ต่างๆได้โดนเปลี่ยนไปใช้ของ FORD
เลยทำให้เสียความ
รู้สึกไปหน่อย
-----------------ส่วนเรื่องของอุปกรณ์อำนวยความสะดวกนั้น
รับรองว่าเพียบทั้งแอร์ระบบอิเลกทรอนิกส์ กระจกไฟฟ้า เซนทรัล
ล็อค
เบาะไฟฟ้า กันขโมยแบบ IMMOBILIZER เบาะไฟฟ้า ระบบรักษาความเร็ว นอกจากนี้เข็มขัดนิรภัยทั้ง
4 ที่นั่ง พร้อม
ถุงลมนิรภัยคู่หน้า
เครื่องยนต์เข้าสูตร
"ใหญ่ไว้ก่อนได้เปรียบ"
-----------------สำหรับเครื่องยนต์ของเจ้า
VANTAGE คันนี้เป็นเครื่องตัวใหม่ล่าสุดของทางค่าย FORD โดยจะเป็นเครื่อง
แบบ V12
ฝาสูบเป็นอัลลอยแบบ 4 วาล์วต่อสูบ ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ ขับด้วยสายพาน
ซึ่งก็เท่ากับว่าเป็นเครื่อง
ยนต์แบบ
QUARD CAM อัตราส่วนกำลังอัด 10.3 ต่อ 1 การจ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดอิเลกทรอนิกส์
จุดระเบิดแบบ
DIRECT
- COIL ทั้งหมดนี้สามารถเรียกม้าออกมาได้ทั้งหมด 420 ตัว ที่ 6,000 รอบต่อนาที
กับแรงบิดสูงสุด 55.29 กก.-ม.
ที่ 5,000
รตน. ซึ่งม้าแต่ละตัวจะแบกน้ำหนักเพียง 3.86 กก. เท่านั้น
----------------ส่วนทางด้านระบบส่งกำลังนั้น
เจ้า DB 7 Vantage จะมีให้เลือกทั้งแบบธรรมดา 6 จังหวะ และอัตโนมัติ
5
จังหวะ
ส่วนคันที่นำข้อมูลมาให้ชมกันนี้จะเป็นเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะของ TREMEC
-----------------เมื่อนำเจ้า
DB 7 Vantage ออกใช้งาน จะพบว่าเจ้ารถคันนี้สามารถทะยานจากจุดหยุดนิ่ง จนถึงความเร็ว
96 กม./ชม.
ได้ในเวลา 5.2 วินาที และเมื่อกดคันเร่งต่อจนมาตรวัดขึ้นที่ 160 กม./ชม. จะใช้เวลาไปอีก
6.6 วินาที ส่วน
ความเร็วสูงสุดนั้นสามารถทำได้ที่
296 กม./ชม. ส่วนทางด้านอัตราสิ้นเปลืองเมื่อใช้งานอย่างธรรมดาเจ้ารถคันนี้สามารถ
ทำได้
2.32 กม./ลิตร เจ้า Mclaren ที่เคยครองแชมป์ 3.48 กม./ลิตร ยังต้องหลีกทางเลยครับ
(แต่คนที่ใช้รถระดับนี้คงไม่
แยแสเรื่องพวกนี้ใช่ไหมครับ)
ช่วงล่างกับเบรค
เซ็ทอีกหน่อยก็พอ..
-----------------ทางด้านระบบกันสะเทือนของเจ้า
DB 7 Vantage ยังคงเหมือนกับตัว DB 7 อยู่ โดยจะเป็นแบบอิสระ คอยล์
สปริง
ปีกนกสองชั้นพร้อมเหล็กกันโคลง ทั้งหน้าและหลัง แต่ตัว Vantage จะได้รับการเซ็ทค่าของคอยล์สปริงให้แข็งขึ้นพร้อม
ทั้งเปลี่ยนช็อคให้เป็นของ
BILSTIEN ส่วนเหล็กกันโคลงก็ได้รับการเปลี่ยนให้มีขนาดใหญ่ขึ้น
ส่วนปีกนกหลังก็จัดการเสริม
ขายึดเข้าไปอีกตัว
พร้อมทั้งให้ TRACTION CONTROL มาเรียบร้อย
-----------------ครวนี้มาถึงทีของระบบเบรคกันมั่ง
โดยจะเป็นแบบอิสระ 2 วงจร พร้อมหม้อลมผ่อนแรง ที่ทำงานควบคู่กับ
ระบบป้องกันล้อล็อค(แล้ว)ตาย
รุ่นใหม่ของทาง BOSCH ที่เป็นแบบ 5 sensor 4 channel ล้อหน้าเป็นดิสค์พร้อมช่องระบาย
ความร้อนกับคาลิปเปอร์แบบ
4 pot ของ Teves ส่วนล้อหลังเป็นดิสค์พร้อมช่องและรูระบายความร้อน
------------------พูดข้ามไปนิด
ทางด้านระบบพวงมาลัยจะเป็นแบบแร็คแอนด์พิเนี่ยน ซึ่งได้รับการปรับปรุงให้ทำงานได้ฉับไว
ตามสไตล์รถสปอร์ต
โดยเมื่อหมุนจากซ้ายสุดไปขวาสุด เพียง 2.7 รอบเท่านั้น และมีรัศมีวงเลี้ยวแคบสุดเพียง
5.3 เมตร