ระบบการเมืองของไทย
 

สถาบันการปกครอง ระบบการเมืองการปกครองแบ่งได้ 3 ประเภท ดังนี้

     1. การปกครองแบบรัฐสภา คือ ให้รัฐสภา (ฝ่ายนิติบัญญัติ) กับคณะรัฐมนตรี (ฝ่ายบริหาร) มีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้อย่างใกล้ชิด โดยให้รัฐสภามีฐานะและอำนาจ  ความสำคัญเหนือกว่าคณะรัฐมนตรี คือ รัฐมนตรีจะเข้าดำรงตำแหน่งได้ก็ต่อเมื่อได้รับความไว้วางใจจากรัฐสภา รัฐสภามีอำนาจควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินของคณะรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรีจะยุบสภาได้ในกรณีที่รัฐสภาไม่รับรองนโยบายของคณะรัฐมนตรี หรือรัฐบาลแพ้คะแนนเสียงในการลงมติรับรองร่างพระราชบัญญัติสำคัญที่เสนอโดยรัฐบาล  ฝ่ายนิติบัญญัติ คือ รัฐสภา กับฝ่ายบริหาร คือ คณะรัฐมนตรี จะมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด

      2. การปกครองแบบประธานาธิบดี เป็นการใช้ระบบการแยกอำนาจ ระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติ (รัฐสภา ) ฝ่ายบริหาร  ( ประธานาธิบดี) และฝ่ายตุลาการ ( ศาล ) ให้แต่ละฝ่ายมรีอำนาจ และความเป็นอิสระ  ในการปฏิบัติหน้าที่ของตน โดยรัฐสภาและประธานาธิบดีต่างฝ่ายต่างมาจากประชาชน ประธานาธิบดีจะอยู่ในตำแหน่งจนครบวาระและมีอำนาจแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี
ให้มีการถ่วงดุลอำนาจกันระหว่างประธานาธิบดี รัฐสภา และ ศาล คือ ประธานาธิบดี  มีอำนาจถ่วงดุลรัฐสภา แม้ว่ารัฐสภาจะเป็นผู้ออกกฎหมาย แต่จะประกาศใช้กฎหมายได้ต่อ เมื่อประธานาธิบดีเป็นผู้ลงนาม ส่วนรัฐสภาก็มีอำนาจถ่วงดุลประธานาธิบดีได้เช่นกัน ประธานาธิบดีและรัฐสภาสามารถถ่วงดุอำนาจของศาล ได้ด้วยการที่ประธานาธิบดีประธานาธิบดีมีอำนาจในการแต่งตั้งผู้พิพากษาศาลสูงสุด และต้องได้การรับรองจากรัฐสภา แต่ศาลก็มีอำนาจถ่วงดุลประธานาธิบดีและรัฐสภา

      3. การปกครองแบบกึ่งประธานาธิบดีกึ่งรัฐสภา ให้ประธานาธิบดีเป็นทั้งประมุขของชาติและเป็นประมุขของฝ่ายบริหาร ประธานาธิบดีสามารถอยู่ในตำแหน่งได้จนครบวาระ ประเทศที่ให้กำเนิด รูปแบบการปกครองแบบนี้  คือ ประเทศฝรั่งเศส

ระบบการเมืองการปกครองที่ปรากฏในโลกนี้มี 2 ระบบ คือ
     
1. ระบบการเมืองการปกครองแบบประชาธิปไตย หมายถึง การที่ประชาชนมีอำนาจ ปกครองตนเอง สำหรับในแง่การเมืองการปกครองนั้น
 
Design by..Imayza You can contact me at : imayza@hotmail.com