การปิดหุ่น
ว่าด้วยการปิดกระดาษทำหัวโขน การปิดกระดาษทำหัวโขน
การปิดกระดาษทับลงบนหุ่นนี้ ช่างบางคนเรียกว่า
"พอกหุ่น"ก็มี เรียกว่า "ปิดหุ่น"
ก็มี คือการที่เอากระดาษสา กระดาษข่อย
และกระดาษฟาง อย่างใดอย่างหนึ่งตัดเป็นแผ่นสี่เหลี่ยมขนาดย่อมกว่าฝ่ามือเล็กน้อย
นำมาทาแห้งเปียกให้ทั่วแล้วปิดกระดาษทับซ้อนกันสัก
2-3 แผ่นจึงเอาไปปิดทับลงบนหุ่นเป็นลำดับกันไปจนทั่วหุ่นศีรษะแบบนั้น
ๆ ทำเข่นนี้หลาย ๆ ชั้นให้หนาพอที่จะทรงตัวอยู่ได้ในภายหลังที่ถอดศีรษะกระดาษออกจากหุ่น
จึงเอาหุ่นที่ปิดกระดาษเรียบร้อยแล้วออกตั้งผึ่งแดดให้แห้งสนิท
หุ่นที่ปิดกระดาษเรียบร้อยแล้วและผ่านกาผุ่งแดดแห้งสนิทแล้วต้องนำมา
"ป่วน" หรือ "กวด"
คือ การใช้ไม้เสนียดกดถู ขัดกระดาษที่ปิดหุ้มหุ่นนั้นให้เข้ารูปและผิดเรียบ
จึงจัดการถอดศีรษะกระดาษออกจากหุ่น
|
|
การถอดหุ่น
คือ การเอาศีรษะกระดาษออกจาหุ่นซึ่งทำโดยการใช้มีดปลายแหลมกรีดตรงศีรษะกระดาษจากตอนบนให้ขาดเป็นทางลงไปทางด้านหลังจนสุดขอบกระดาษตอน่ล่าง
จึงถอดศีรษะกระดาษออกจากหุ่น
ศีรษะกระดาษซึ่งถอดจากหุ่นแล้วต้องจัดการเย็บประสานริมกระดาษที่ขาดเป็นแนวนั้นให้ติดกันสนิท
แล้วปิดกระดาษทับแนวทั้งด้านนอกและด้านในให้เรียบ
จึงตัดริมส่วนขอบล่างของศีรษะกระดาษนั้นให้เรียบร้อย
พอเสร็จการขั้นนี้ก็จะได้ศีรษะกระดาษที่
เรียกว่า "กะโหลก" พร้อมที่จะนำมาปั้นกระแหนะรักทำส่วนละเอียดต่าง
ๆ ต่อไป
|
|
การปั้นใบหน้าหัวโขน
หรือกระแหนะ เป็นขั้นตอนทำส่วนละเอียดต่าง
ๆ คือ การใช้รักตีลายทำให้อ่อนตัวนำมาปั้นกระแหนะเพิ่มเติมลงบนกะโหลก
ทำส่วน คิ้ว ตา จมูก ปาก ไพรปาก ขอบคาง
ให้ได้รูปร่างชัดเจนและแสดงอารมณ์ของใบหน้านั้นตามขนบนิยมใบหน้าแต่ละแบบนั้นส่วนหนึ่ง
กับทำการประดับลวดลายตกแต่งลงบนตำแหน่งที่เป็นเครืร่องศิราภรณ์สำหรับหัวโขนแต่ละหัว
เช่น ประดับส่วนเกี้ยวรักร้อย ประดับกระจังซุ้มบนวงล้อมจอมชฎาและมงกุฎ
เป็นต้น และในขั้นนี้จะต้องจัดทำส่วนหูสำหรับศีรษะยักษ์
ลิง พระ และนางแบบที่ปิดหน้า เป็นต้น
กับทำกรรเจียกจอนหูสำหรับประกอบชฎาและมงกุฎ
ด้วยการใช้แผ่หนังวัวแห้งนำมาตัด สลักฉลุทำเป็นลวดลายโกลน
ๆ ขึ้นก่อนจึงปั้นรักตีลาย |
|
ปั้นรักตีลาย
ใช้รักตีลายตีพิมพ์เป็นลวดลายละเอียดติดประดับให้ครบถ้วยตามแบบที่เป็นขนบนิยม
ติดประทับให้ตรงตามตำแหน่งบนกะโหลกที่ได้ปั้นหน้าติดลวดลายประดับไว้พร้อมอยู่แล้ว
ก็จะสำเร็จเป็นหัวโขนหรือศีรษะขั้นหนึ่ง
|
|
การลงรักปิดทอง
เป็นงานตกแต่งหัวโขนให้สวยงาม งานขั้นนี้คือ
การใช้น้ำเกลี้ยงทาทับส่วนที่ทำเป็นลวดลายต่าง
ๆ ซึ่งต้องการทำให้ทองคำโดยทารักสัก 2-3
ทับซึ่งแต่ละทับหรือครั้งต้องปล่อยให้รักที่ได้ทาไว้คราวหนึ่ง
ๆ แห้งสนิทและเรียบเนียนทุกครั้งไป จนขั้นสุดท้ายทาด้วยรักน้ำเกลี้ยงแต่บาง
ๆ จึงนำทองคำเปลวมาปิดทับบนพื้นที่ ๆ
ได้ทารักไว้นั้นจนทั่ว |
|
การประดับกระจกหรือพลอยกระจก
เป็นการตกแต่งส่วนละเอียดให้มีขึ้นในลวดลาย
โดยเฉพาะที่ไส้ตัวกระจัง ไส้กระหนก ไส้ใบเทศ
เป็นต้น ให้เกิดเป็นประกายแวววาวเมื่อรับแสงเมื่อรับแสงสว่าง
ทำให้ดูคล้ายประดับด้วยอัญมณี ขั้นตอนนี้เรียกว่า
"กระจกเกรียบ" ปัจจุบันกระจกนี้หาได้ไม่ง่ายนัก
ช่างเลยใช้พลอยกระจกประดับลงเป็นไส้ลวดลายแทน
การประดับกระจกก็ดี ประดับพลอยกระจกก็ดี
ทำให้ติดกับตัวลายต่าง ๆ ที่ปิดทองคำเปลวไว้แล้วนั้นได้ด้วยการใช้
"เทือกรัก" ทาบาง ๆ ลงตรงตำแหน่งที่จะประดับจกหรือพลอยนั้น |
|
การระบายสีและเขียนส่วนละเอียด
เป็นกระบวนการทำหัวโขนขั้นหลังที่สุด
โดยก่อนที่จะระบายสีและเขียนส่วนละเอียดบนใบหน้าของหัวโขน
ต้องใช้กระดาษปิดทับเนื้อที่ในวงหน้าทั้งหมดให้ทั่วเสียชั้นหนึ่งก่อน
ปิดกระดาษให้ผิวเรียบเป็นพิเศษ แล้วผึ่งให้แห้งสนิทจึงระบายสีและเขียนสีต่อไป
สีที่ใช้ระบายสีหัวโขน ช่างตามขนบนิยม
มักใช้สีฝุ่นผสมกาวกระถินหรือมะขวิด โดยใช้อย่างใดอย่างหนึ่งผสมน้ำ
เรียกว่า "สีน้ำกาว" บ้าง "สีฝุ่น"
บ้าง สีชนิดนี้มีคุณลักษณะสดใส นุ่มนวลไม่สะท้อนแสง
อนึ่ง การเขียนเส้นแสดงส่วนละเอียดบนใบหน้าของหัวโขนแต่ละหัว
ๆ นั้นเป็นเส้นที่ได้รับการประดิษฐ์ขึ้นเป็นพิเศษเรียกว่า
"เส้นฮ่อ" ประกอบด้วยเส้น 4
สี ชมพู แดง ลิ้นจี่ และทอง การเขียนจะเขียนเส้นชมพูก่อน
แล้วเขียนเส้นสีแดงทับเส้นสีชมพูครึ่งหนึ่ง
โดยให้เส้นสีแดงอยู่ด้านใน(ชิดกับเส้นไพร)
แล้วเขียนด้วยเส้นสีลิ้นจี่ทับเส้นสีแดงครึ่งหนึ่ง
จะได้เป็นเส้นฮ่อ 3 สี คือ ลิ้นจี่ แดง
ชมพู
เส้นไพรโบราณกำหนดไว้ 2 สี คือ
เขียว-ฟ้า โดยหัวโขนสีเขียวจะใช้เส้นไพรสีฟ้า
ถ้าเป็นหัวโขนสีอื่นใช้เส้นไพรสีเขียว
เห็นเพียงแต่หัวอินทรชิตในพิพิทธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร
หัวเดียวที่เป็นหน้าเขียวแต่ใช้เส้นไพรสีแดง
หัวโขนบางหัวนิยมใช้เปลือกหอยมุกมาตัดเป็นชิ้นเล็กติดเรียงเป็ฟันหรือใช้ขื่อหอยมุกมาทำเป็นเขี้ยวติดประดับวงในริมฝีปากของหัวโขนยักษ์และลิงก็มี
ซึ่งช่วยให้สวยงามเพิ่มขึ้น
หัวโขนแต่ละหัวเมื่อได้เจาะรูทั้งคู่ตรงดวงตาสำหรับให้ผู้สวมหัวโขนแลดูออกมาได้แล้วนั้น
ถือว่าเป็นหัวโขนที่สำเร็จสมบูรณ์ตามขั้นตอนดังอธิบายมาข้างต้น
|
|
Top |