|  |  |  | 
                                 
                                  |  |  |  | 
                                 
                                  | 
 |  | อสูรแห่งกรุงลงกา
 ทศกัณฐ์-พญายักษ์
 ลัษณะหัวโขน ทำเป็นหน้ายักษ์ 3 ชั้น คือ ชั้นแรกมีหน้าปกติ 
                                      1 หน้า และมีหน้าเล็ก ๆ เรียงกัน 3 หน้า ตรงท้ายทอย 
                                      ชั้นที่ 2 ทำเป็นหน้าเล็ก ๆ 4 หน้าเรียงสีด้าน 
                                      ชั้นที่ 3 ทำเป็นหน้าพรหมด้านหน้า หน้ายักษ์ด้านหลัง 
                                      ปากแสยะตาโพลง สวมมงกุฎยอดชัย หน้าทศกัณฐ์ 
                                      มี 3 สี คือ ปกติใช้หน้าสีเขียว ตอนนั้งเมืองใช้หน้าสีทอง 
                                      และมีทำหน้าสีน้ำรักซึ่งยังไม่มีปรากฎใช้ในการแสดง
 นอกจากนี้ยังมีหัวโขนทศกัณฐ์แปลงเป็นพระอินทร์ในการรบครั้งสุดท้าย 
                                      ลักษณะทำเป็นหน้าพระ 3 ชั้น สีเขียว มีเขี้ยว 
                                      ซึ่งเป็นหัวโโขนเพียงหัวเดียวในเมืองไทยที่ประดิษฐ์ในสมัยรัชกาลที่ 
                                      2 และยังมีหัวโขนหน้าทศกัณฐ์ที่ทำด้วยทองแดงปิดทองประดับกระจกอีก 
                                      1 หัว
 ทศกัณฐ์มีกายสีเขียว 10 พักตร์ 20 กร เป็นโอรสองค์ที่ 
                                      1 ของท้าวลัสเตียนกับนางรัชฎานับเป็นกษัตริย์กรุงลงกาองค์ที่ 
                                      3 มีมเหสีคือ นางมณโฑ กับนางกาลอัคคี และนางสนมอีกจำนวนมาก 
                                      มีโอรส 1,015 มีธิดา 2 องค์ อุปนิสัยไม่ตั้งอยู่ในทศพิธราชธรรม 
                                      หยาบช้า สามารถถอดจิตออกจากตนได้ทำให้ประพฤติตนไม่ถูกต้องไปลักพานางสีดามเหสีของพระรามมาจึงเป็นต้นเหตุแห่งศึกกรุงลงกา 
                                      ทำให้พี่น้องเผ่าพงศ์ยักษ์ล้มตายเป็นอันมาก 
                                      ในที่สุดก็ตายด้วยศรของพระราม โดยหนุมานขโมยกล่องดวงใจไปได้
 
 | 
                                 
                                  | 
 |  | กุเปรัน-พญายักษ์
 ลักษณะหัวโขน 
                                    หน้ายักษ์สีม่วงอ่อน ปากขบ 
                                    ตาโพลง บางแห่งว่าปากแสยะ สวมมงกุฎกระหนกกายสีม่วงอ่อน 
                                    1 พักตร์ 2 กร โอรสท้าวลัสเตียนกับนางศรีสุนันทา 
                                    เป็นพี่ชายต่างมารดากับทศกัณฐ์ ท้าวลัสเตียนให้ครอบครองเมืองกาลจักร 
                                    และมองบุษบกแก้วของท้าวสหมลิวัน ซึ่งให้ไว้แก่ท้าวจัตุรพักตร์เป็นมรดก 
                                    ทศกัณฐ์ต้องการแย่งชิงบุษบกไปครอบครอง กุเปรันหนีไปหาพระอิศวร 
                                    ซึ่งกำลังเข้าฌานบนหลังช้าง พระอิศวรกริ้วถอดงาช้างขว้างไปปักอกทศกัณฐ์ 
                                    และสาปให้ติดอยู่จนกระทั่งตาย
 
 
 
 | 
                                 
                                  | 
 |  | 
 ทัพนาสูรหรือเทพาสูร-พญายักษ์
 ลักษณะหัวโขน 
                                    หน้ายักษ์สีหงดิน ปากขบตาโพลง 
                                    บางแห่งว่าปากแสยะ สวมมงกุฎสามกลีบกายสีหงดิน 
                                    (อสูรพงษ์ฉบับสมุดไทยว่าสีหงเสน) มี 1 พักตร์ 
                                    2 กรเป็นโอรสท้าวลัสเตียนกับนางจิตรมาลีพี่ชายจต่างมารดาของทศกัณฐ์ครองเมืองจักรวาล 
                                    ทศกัณฐ์เชิญไปช่วยรบกับพระราม
 
 | 
                                 
                                  |  |  | กุมภกรรณ-พญายักษ์
 ลักษณะหัวโขน 
                                    ทำเป็นหน้ายักษ์ 4 หน้า 
                                    เพื่อให้ต่างกับเสนายักา คือ เป็นหน้าปกติ 1 
                                    หน้า และเป็นหน้าเล็ก ๆ 3 หน้า เรียงกันอยู่ตรงท้ายทอย 
                                    ปากแสยะตาโพลง หัวโล้น สวมกะบังหน้าไม่มีมงกุฎ 
                                    หน้ามี 2 สี คือ หน้าสีเขียว กับหน้าสีทอง
 กายสีเขียว 1 พักตร์ 2 กร เป็นน้องร่วมบิดามารดาเดียวกับทศกัณฐ์ 
                                    ได้เป็นอุปราชเมืองลงกามเหสีชื่อนางจันทวดี 
                                    สนมเอกชื่อนางคันธมาลี มีอุปนิสัยตั้งมั่นอยู่ในสัจธรรม 
                                    แต่จำใจช่วยรบกับพระรามเพื่อสนองคุณทศกัณฐ์ 
                                    มีหอกโมกขศักดิ์เป็นอาวุธวิเศษ รบกับพระรามหลายครั้งและในที่สุดตายด้วยศรของพระราม
 
 
 | 
                                 
                                  |  |  | พิเภก-พญายักษ์
 ลักษณะหัวโขน 
                                    หน้ายักาสีเขียว ปากแสยะตาจระเข้ 
                                    สวมมงกุฎน้าเต้ากลมกายสีเขียว 1 พักตร์ 2 กร 
                                    เป็นน้องร่วมบิดามารดากับทศกัณฐ์ ประวัติกล่าวว่า 
                                    ชาติก่อนเป็นเวสสุญาณเทพบุตรมาจุติ มีความรอบรู้คัมภีร์ไตรเภทและโหราศาสตคร์ 
                                    ด้วยความประสงค์ของพระเป็นเจ้าเพื่อให้เป็นไส้ศึก 
                                    รู้เล่ห์กลของพวกยักษ์ เปิดเผยให้แก่พระราม 
                                    ทศกัณฐ์ขับออกจากเมือง เพราะแนะนำให้ส่งนางสีดาคืนจึงสมัครไปอยู่กับพระรามด้วยตรวจดวงชะตาตนเองว่าพระรามจะเป็นผู้อุปถัมภ์มีบทบาทและปฎิบัติหน้าที่อันเป็นประโยชน์ในการสงคราม 
                                    เช่น การหาฤกษ์ยาม การทำนายฝัน บอกวิธีการแก้กลอุบายการใช้อาวุธและความลับต่าง 
                                    ๆ เพื่อชัยชนะ เสร็จศึกลงกาได้เป็นเจ้าลงการ 
                                    มีนามว่าท้าวทศคิริวงศ์ ต่อมาเกิดกบฎในกรุงลงกา 
                                    ถูกจองจำได้รับความช่วยเหลือจากพระรามและหนุมาน
 
 
 
 | 
                                 
                                  | 
 |  | ตรีเศียร-พญายักษ์
 ลักษณะหัวโขน 
                                    หน้ายักษ์สีขาว ๓ หน้า ทำเป็นหน้าปกติ 
                                    ๑ หน้า หน้าเล็กอยู่ตรงท้ายทอย ๒ หน้า ปากขบตาจระเข้ 
                                    บางแห่งว่าปากแสยะ สวมมงกุฎชัยหรือมงกุฎยอดน้ำเต้า 
                                    ๓ ยอดกายสีขาว ๓ พักตร์ ๖ กร เป็นน้องชายร่วมครรภ์มารดาของทศกัณฐ์ครองเมืองมัชวารีรบกับพระรามด้วยความโกรธแค้นที่พญาขร 
                                    พญาทูษณ์พี่ชายถูกพระรามฆ่าตายและตนเองก็ตายด้วยศรพระราม
 
 
 
 
 | 
                                 
                                  |  |  | อินทรชิต 
                                    หรือ รณพักตร์-พญายักษ์ ลักษณะหัวโขน 
                                    หน้ายักษ์สีเขียว 
                                    ปากขบ ตาโพลงเขี้ยวคุด (ดอกมะลิ) สวมชฎามนุษย์หรือชฎายอดกาบไผ่เดินหนแบบพระอินทร์ 
                                    จอนหูมี ๒ แบบ คือจอนหูแบบมนุษย์และจอนหูแบบยักษ์ 
                                    นอกจากนี้ยังทำหน้าสีทองอีกแบบหนึ่ง และในตอนเป็นเด็กสวมกะบังหน้ามีเกี้ยวรัดจุก(ชฎาเด็กหรือหัวกุมารไว้จุก)กายสีเขียว 
                                    ๑ พักตร์ ๒ กร เป็นโอรสทศกัณฐ์กับนางมณโฑ มีมเหสีชื่อนางสุวรรณกันยุมา 
                                    มีบุตรชื่อยามลิวันและกันยุเวก อินทรชิตเดิมชื่อรณพักตร์เมื่อรบชนะพระอินทร์ทศกัณฐ์จึงตั้งชื่อให้ว่าอินทรชิต 
                                    ได้รับพระจากพระเป็นเจ้าสามองค์คือ พระอิศวร 
                                    พระพรหมและพระนารายณ์มีอิทธิฤิทธิ์มากรบกับพระรามหลายครั้งหลายหน 
                                    ตายด้วยศรพระลักษณ์ที่เนินเขาจักรวาลตอนตายองคตต้องนำพานจากพระพรหมธาดามารองนับเศียรอินทรชิต 
                                    เพื่อมิให้ตกถึงพื้นเพราะจะเกิดไฟไหม้ทั่วทั้งจักรวาล
 
 | 
                                 
                                  |  |  | แสงอาทิตย์-พญายักษ์
 ลักษณะหัวโขน 
                                    หน้ายักษ์สีแดงชาด ปากขบ 
                                    ตาจระเข้ บางแห่งว่าปากแสยะ ตาโพลง สวมมงกุฎกระหนกกายสีแดงชาด 
                                    มี ๑ พักตร์ ๒กร เป็นโอรสองค์ที่ ๒ ของพญาขรกับนางรัชฎาสูร 
                                    อนุชามังกรกัณฐ์ มีอาวุธเป็นแว่นวิเศษ ซึ่งฉายส่องไปที่ไหนจะบังเกิดไฟไหม้ 
                                    ฝากไว้ที่ท้าวธาดาพรหมแสงอาทิตย์ตายด้วยศรพระรามในสนามรบ 
                                    พร้อมกับพี่เลี้ยงชื่อจิตรไพรี
 
 
 
 
 
 
 | 
                                 
                                  | 
 |  | ทศพิน 
                                     
                                    (ไพนาสุริยวงศ์)-ยักษ์
 ลักษณะหัวโขน 
                                    หน้ายักษ์สีเขียว ปากขบตาโพลงเขี้ยวคุด(ดอกมะลิ) 
                                    สวมชฎามนุษย์หรือชฎายอดกาบไผ่เดินหนแบบอินทรชิต 
                                    จอนหูแบบมนุษย์และในตอนเด็กสวมกะบังหน้ามีเกี้ยวรัดจุก 
                                    (ชฎาเด็ก หรือ หัวกุมารไว้จุก)กายสีเขียว ๑ 
                                    พักตร์ ๒ กร เป็นโอรสของทศกัณฐ์กับนางมณโฑเมื่อพิเภกครองกรุงลงกาหลังจากทศกัณฐ์ตาย 
                                    ได้นางมณโฑเป็นมเหสี ขณะนั้นนางมณโฑตั้งครรภ์อยู่แล้วเมื่อคลอดพิเภกเข้าใจว่าเป็นลูกของตน 
                                    เมื่อไพนาสุริยวงศ์เติบโตขึ้น พี่เลี้ยงชื่อวรณีสูรเป็นผู้บอกความจริงและยุให้เป็นกบฏเกิดศึกกรุงลงกาอีกตรั้ง 
                                    พระพรตเป็นผู้มาปราบกบฏและสั่งประหารไพนาสุริยวงศ์พร้อมกับพี่เลี้ยง
 
 | 
                                 
                                  | 
 |  |  |