|
|
|
ในการทำหัวโขนหน้าฤาษีจะทำแตกต่างกันเป็นหลายแบบ
เช่น แตกต่างกันที่สี คือ จะมีหน้าสีทอง
สีลิ้นจี่แดง สีม่วง สีกลีบบัว สีเนื้อ
และสีจันทร์ เป็นตน ส่วนจอนหูนั้นจะทำเป็นแบบมีจอนหูเป็นลักษณะคล้ายครีบหางปลา
กับจอนหูธรรมดาแบบที่ใช้กับเทริด และบางทีก็ไม่มีจอนหู
ลักษณะหน้าจะทำเป็นแบบหน้าอ้วน หน้าผอม
หน้ายิ้ม และหน้าดุ บางศีรษะทำเป็นแบบผ้าโพกศีรษะ
สวมเทริดหนังเสือ สวมเทริดยอดบายศรี หรือยอดบวช
หรือชฎาดอกลำโพง ลักษณะของฟันเป็นหน้ายิ้มเห็นฟันเต็มปากบ้างเห็นแต่ฟันบน
2 ซี่ หรือเห็นฟันบน 2 ซี่ ฟันล่าง 2
ซี่ หรือเป็นแบบไม่มีฟันก็มี แล้วสมมุติแทนพระฤาษีต่าง
ๆ สำหรับสวมศีรษะในการแสดงตามบทบาทและลักษณะของฤาษีแต่ละตน
แต่ในการแสดงปัจจุบันใช้การสวมเทริดฤาษีแทน
|
|
|
|
พระพรตมุนี
เป็นบรมครูแห่งการนาฎศิลป์ทั้งหลาย
เป็นผู้รจนา (แต่ง) คัมภีร์ภรตนาฎศาสตร์ เป็นผู้จดจำท่ารำจากพระพรหม
นำไปสอนโอรสทั้ง 100 คน เพื่อให้ไปเผยแพร่ยังโลกมนุษย์
จึงถือเป็นบรมครูแห่งการนาฎศิลป์ทั้งปวง มีการประดิษฐ์หัวโขนขึ้นบูชากับใช้ครอบศีรษะในพิธีไหว้โขนครูละคร
|
|
|
ฤาษีผู้สร้างกรุงอโยธยา
มี 4 ตน
อจนคาวี - ฤาษี
ยุทธอักขระ - ฤาษี
ทะหะ - ฤาษี
ยาคะ - ฤาษี
ในการแสดงพระฤาษีทั้ง 4 ตน จะสวมชฎาดอกลำโพง
เดิมในชมพูทวีป ณ ป่าทวารวดี ฤาษีทั้ง 4 ตน
บำเพ็ญพรตอยู่เป็นเวลาแสนปี เมื่อสร้างกรุงขึ้นใหม่ในบริเวณที่อยู่ของพระฤาษี
จึงเอาชื่อฤาษีทั้ง 4 ตน และชื่อป่ามาตั้งเป็นชื่อกรุงว่าทวารวดีศรีอโยธยา
มีท้าวอโนมาตัน เป็นปฐมกษัตริย์
|
|
|
ฤาษีที่ชุบนางกาลอัจนา
โคดมหรือโคตม
- ฤาษี
ในการแสดงจะสวมชฎายอดบายศรีสีกลีบบัว
หรือสีกลัก
|
|
|
ฤาษีที่ทำพิธีหุงข้าวทิพย์ในกรุงอโยธยามี
5 ตน
กไลโกฎ-ฤาษี
ลักษณะหัวโขน
ทำเป็นหัวฤาษีหน้าเนื้อ
สวมเทริดฤาษียอดบายศรี หัวโขนบางหัวจะทำเขาโผล่ขึ้นมาอีกด้วย
พระฤาษีกไลโกฎ เป็นบุตรพระมุนี ชื่อ อิสีสิงค์
บำเพ็ญพรตอยู่ในป่าศาลวัน เมืองพัทวิสัย แห่งท้าวโรมพัตตัน
บิดาเคยสั่งห้ามมิให้แตะต้องสัตว์ซึ่งมีเขาที่อก
มีตบะเดชแก่กล้าจนทำให้ฝนแล้งไปสามปี ท้าวโรมพัตตันใช้ให้พระธิดาชื่อ
อรุณวดี ไปทำลายตบะ ฝนก็ตกต้องทั่วแผ่นดิน เมื่อพระกไลโกฎเสียตบะ
และยังติดใจในกามรสจึงเข้าไปอยู่ในกรุงพัทวิสัยกับชายา
ต่อมาท้าวทศรถไปทำพิธีขอโอรส พระกไลโกฎ ได้ไปเป็นประธานในการทำพิธี
|